ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนา ทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อ

พัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัย นายปัณณธร เล่งเจริญ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.) พัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2.) ศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษา อังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80/80 3.) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังและก่อนการทดลองใช้รูปแบบการสอน 4.) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนภาษาอังกฤษหลังการทดลองใช้รูปแบบการสอนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 5.) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 501 ภาคเรียนที่ 1/2563 โรงเรียนสาธิตเทศบาลวัดเพชรจริก สังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จำนวน 38 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1.) แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชา อ32202 ภาษาอังกฤษอ่าน เขียน 2.) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ 3.) รูปแบบการสอน APIREE Model 4.) แผนการจัดการเรียนรู้ 5.) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่าน และแบบประเมินทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ 6.) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทีแบบ Dependent Sample และ One Sample t-test และการวิเคราะห์เนื้อหา การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยผู้วิจัยได้ประยุกต์ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาตามรูปแบบของมาเรียม นิลพันธุ์ (2554: 31) และ ADDIE Model ของ Kruse (2008: 1) ซึ่งมี 4 ขั้นตอน คือ 1.) การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน (Research-R1: Analysis) 2.) การสร้างและพัฒนารูปแบบการสอน (Development-D1: Design and Development) 3.) การทดลองใช้รูปแบบการสอน (Research-R2: Implementation) และ 4.) การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการสอน (Development-D2: Evaluation)

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้รูปแบบกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า APIREE Model โดยรูปแบบการสอนมีองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหาและทักษะ กระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ได้แก่ ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน สำหรับกระบวนการจัดกิจกรรมของรูปแบบการสอน APIREE Model มี 6 ขั้นตอนดังนี้ 1.) ขั้นการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ (Analysis of Problems and Needs) 2.) ขั้นการวางแผน (Plan of the Project Work) 3.) ขั้นการดำเนินงาน (Implementation of the Project Work) 4.) ขั้นการทบทวนและตรวจสอบ (Review and Monitoring of the Project Work) 5.) ขั้นการนำเสนอผลงาน (Exhibition of the Project Work) และ 6.) ขั้นการประเมินและเผยแพร่โครงงาน (Evaluation and Project Publication) ผลการประเมินและการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่านมีความคิดเห็นต่อรูปแบบการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( x̄=4.74, S.D.=0.44) และผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่านมีความคิดเห็นต่อแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( x̄=4.68, S.D.=0.47) เช่นกัน

2. การหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กับกลุ่มสนาม (Field Tryout) เมื่อนำผลการทดลองมาคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน ได้ผลการประเมินด้านกระบวนการ เท่ากับ 80.39 และผลการประเมินผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 81.18 สรุปค่า E1/E2 = 80.39/81.18

3. การทดลองใช้รูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ได้เรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนนี้มีความสนใจและกระตือรือร้นในการเรียน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมเป็นอย่างดี นักเรียนมีการช่วยเหลือกันและแก้ไขปัญหาร่วมกัน นำเสนอผลงานได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นที่น่าพอใจ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังการใช้รูปแบบการสอนสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนภาษาอังกฤษสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.52, S.D.= 0.69) และผู้วิจัยมีการปรับปรุงรูปแบบการสอนให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการนำไปใช้และเผยแพร่ต่อไป

โพสต์โดย พัส : [21 ม.ค. 2565 เวลา 07:45 น.]
อ่าน [3522] ไอพี : 27.145.136.218
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,770 ครั้ง
ขั้วโลกเหนือจะหมดสิ้นทะเลน้ำแข็ง ใน 20-30 ปีหน้า
ขั้วโลกเหนือจะหมดสิ้นทะเลน้ำแข็ง ใน 20-30 ปีหน้า

เปิดอ่าน 26,631 ครั้ง
โปรแกรม SnagIt
โปรแกรม SnagIt

เปิดอ่าน 14,214 ครั้ง
หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)
หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)

เปิดอ่าน 1,352 ครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและจิตใจเราเปลี่ยนแปลงอย่างไร
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและจิตใจเราเปลี่ยนแปลงอย่างไร

เปิดอ่าน 10,853 ครั้ง
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก

เปิดอ่าน 76,430 ครั้ง
การเรียนรู้ตลอดชีวิต คืออะไรและสำคัญตรงไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
การเรียนรู้ตลอดชีวิต คืออะไรและสำคัญตรงไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับปรัชญาพิพัฒนาการนิยม

เปิดอ่าน 21,902 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติงานการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
คู่มือการปฏิบัติงานการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา

เปิดอ่าน 10,908 ครั้ง
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

เปิดอ่าน 15,690 ครั้ง
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา

เปิดอ่าน 11,375 ครั้ง
ไก่ทาสีย้อมผ้า ขายตามตลาดสด ระบาดหนักในภาคใต้
ไก่ทาสีย้อมผ้า ขายตามตลาดสด ระบาดหนักในภาคใต้

เปิดอ่าน 8,793 ครั้ง
ฟีฟ่า จับมือ กูเกิล เปิดเว็บเอาใจคอบอล
ฟีฟ่า จับมือ กูเกิล เปิดเว็บเอาใจคอบอล

เปิดอ่าน 15,311 ครั้ง
วิธีสร้างคันกระสอบทรายให้แข็งแรง
วิธีสร้างคันกระสอบทรายให้แข็งแรง

เปิดอ่าน 44,706 ครั้ง
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI  สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
Chat GPT คืออะไร ใช้งานยังไง AI สำหรับครูยุคใหม่จำเป็นต้องรู้

เปิดอ่าน 15,863 ครั้ง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง
การประคบร้อน และ ประคบเย็น ที่ถูกต้อง

เปิดอ่าน 11,084 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน

เปิดอ่าน 16,676 ครั้ง
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
เปิดอ่าน 15,311 ครั้ง
วิธีสร้างคันกระสอบทรายให้แข็งแรง
วิธีสร้างคันกระสอบทรายให้แข็งแรง
เปิดอ่าน 645 ครั้ง
ประโยชน์ของผักผลไม้สีเหลือง
ประโยชน์ของผักผลไม้สีเหลือง
เปิดอ่าน 48,168 ครั้ง
คุณสมบัติของรัฐมนตรี
คุณสมบัติของรัฐมนตรี
เปิดอ่าน 34,391 ครั้ง
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ