ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครู
ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์
ผู้วิจัย นางสาวชนม์ณกานต์ แก้วสุริยาภรณ์ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา
โรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ เทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค
จังหวัดสระบุรี
ปีที่วิจัย 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ 3. เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ 4. เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ โดยกรอบแนวคิดการวิจัย และพัฒนา R&D (Research and Development) พัฒนาตามหลักการแนวคิด การพัฒนาครูด้านการสอน (Instruction Coaching) การพัฒนาครูมุ่งเน้น การแก้ปัญหา (Solutions-Focused Coaching) การพัฒนาครูแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Coaching) การสะท้อนผล (Reflection) และชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพ (Professional Learning Community) มาประยุกต์ใช้เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยพัฒนา ประกอบด้วย 4 ระยะ ระยะที่ 1 การกำหนดกรอบแนวคิดของการวิจัย ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูที่ ระยะที่ 3 ศึกษาผลการทดลองใช้ และปรับปรุงรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ และระยะที่ 4 ศึกษาผลการใช้รูปแบบเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ กลุ่มผู้ร่วมวิจัย ประกอบด้วย พนักงานครูเทศบาล 56 คน ผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน รองผู้อำนวยการ จำนวน 2 คน ผู้นิเทศ จำนวน 2 คน และนักเรียน จำนวน 1,157 คน โดยการเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้
เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ พบว่า รูปแบบมี 2 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
องค์ประกอบหลักที่ 1 ขอบข่ายงานวิชาการที่ต้องพัฒนา มี 5 ด้านประกอบด้วย (1) การบริหารหลักสูตร
(2) การจัดกระบวนการเรียนรู้ (3) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา (4) การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และ
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และ (5) การนิเทศการศึกษา องค์ประกอบหลักที่ 2 กระบวนการบริหารงาน
วิชาการ มี 3 ขั้นตอนประกอบด้วย (1) การวางแผน (2) การดำเนินงาน และ (3) การประเมินผล
2. ผลการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะ
ครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์กับข้อมูลเชิงประจักษ์
พบว่า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ใน ระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.83, S.D. = 0.39) เมื่อพิจารณาเป็น
รายองค์ประกอบมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 2 องค์ประกอบหลัก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยของ
องค์ประกอบหลักจาก มากไปหาน้อยได้ดังนี้ กระบวนการบริหารงานวิชาการ ( x̄ = 4.84, S.D.=0.37)
และขอบข่าย งานวิชาการที่ต้องพัฒนา ( x̄ = 4.82, S.D. = 0.39) ตามลำดับ และผลการพัฒนาคู่มือ
การใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครู
โรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ พบว่า คู่มือการใช้รูปแบบมีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในการ
บริหารงานวิชาการโดยมีเนื้อหาประกอบด้วย คำชี้แจง ความเป็นมาและความสำคัญของรูปแบบการ
บริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4
หนองแคอนุสรณ์ วัตถุประสงค์ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อ
พัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบก่อนนำไปใช้จริง ดังนี้ 1) ผลการเปรียบเทียบทักษะการจัดการ
เรียนรู้เชิงรุกของครูกลุ่มทดลองทั้ง 10 คน พบว่า ภายหลังการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อ
พัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ มีค่าเฉลี่ย
สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
สำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ทุกคนโดยภาพรวมก่อนการใช้รูปแบบการบริหารงาน
วิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแค
อนุสรณ์ อยู่ระดับน้อย และหลังการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้าน
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ ครูมีทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
อยู่ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อน และหลัง
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก นักเรียนของครูกลุ่มทดลอง พบว่า มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าคะแนนก่อนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการ
เรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ ดังนี้ผลจากการส่งเสริมทักษะการจัดการ
เรียนรู้เชิงรุกของครูผู้รับการชี้แนะสรุปผลได้ ดังนี้ 1) ผลการประเมินทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกครู
ผู้รับ การชี้แนะทั้ง 24 คน มีทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ได้แก่ ทักษะการวางแผนทักษะการออกแบบ
การเรียนรู้ TPCK ทักษะการสะท้อนผล และทักษะการเรียนรู้เป็นทีม: PLC สูงขึ้นทุกคน 2) ผลการ
ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ครูผู้รับการชี้แนะทั้ง 24 คน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3) ผลจากการสังเกตการสอนครูผู้รับการชี้แนะมีการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงขึ้น และผล
การตรวจสอบรายการปฏิบัติทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกทั้ง 4 ทักษะครูผู้รับการชี้แนะมีทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยรวมอยู่ในระดับปฏิบัติมากทุกคน 4) ผลการทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (AAR) พบว่า สิ่งที่ครูผู้รับการชี้แนะได้รับจากรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก คือ การวางแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเองการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้โดยเทคนิควิธีการสอนใหม่ๆ การสะท้อนผลก่อนการจัดการเรียนรู้ระหว่างการจัดการเรียนรู้ และได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาภายหลังการจัดการเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน และจากการเรียนรู้เป็นทีม : PLC นำมาปรับปรุงการเขียนแผนทุกครั้งทำให้แผนการจัดการเรียนรู้ มีความสมบูรณ์สามารถนำไปใช้ในการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนได้ 5) ผลการสะท้อนผลการเรียนรู้เป็นทีม: PLC พบว่า การใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสามารถส่งเสริมให้ครูผู้รับการชี้แนะมีทักษะในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ทักษะการออกแบบการเรียนรู้ TPCK ทักษะในการสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ และทักษะในการทำงานเป็นทีม: PLC โดยมีผลการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ ดังนี้
4.1 ผลการเปรียบเทียบสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้รับการชี้แนะทั้ง 24 คน พบว่า หลังการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ ครูผู้รับการชี้แนะมีทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ ทุกคน
4.2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักเรียนของครูผู้รับ การชี้แนะทั้ง 24 คน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกทุกคนโดยมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01