|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ มีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้ 3.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ 3.2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD วิชากฎหมายน่ารู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ 4) เพื่อประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราษีไศล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราษีไศล อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 36 คน ได้มาด้วยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling) รูปแบบการวิจัยเป็นแบบแผน Pre Experimental Design ใช้แบบหนึ่งกลุ่มสอบก่อนและหลัง (The One group Pretest-posttest design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD วิชากฎหมายน่ารู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในกิจกรรมการเรียนการสอนใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ 16 ชั่วโมง จำนวน 8 แผนการจัดการเรียนรู้ ทั้งนี้มีแผนการจัดการเรียนรู้ปฐมนิเทศ 2 ชั่วโมงและแผนการจัดการเรียนรู้ปัจฉิมนิเทศ 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 19 ชั่วโมง ตรวจสอบคุณภาพและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือโดยประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องความคิดเห็นกับจุดประสงค์การเรียนรู้รายข้อ (IOC) และหาความเชื่อมั่นในการให้คะแนนด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Coefficient Correlation) 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนวิชากฎหมายน่ารู้ โดยจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ(%)ค่าเฉลี่ย ( )ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.)ทดสอบค่าที( t-test)
ผลการวิจัย พบว่า องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ควรมีองค์ประกอบครบถ้วน เริ่มจากคู่มือการใช้ ชื่อแผน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ สมรรถนะของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้เทคนิค สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ วิธีวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย การตรวจคำตอบ การสังเกต การทำงานกลุ่ม การสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน การตอบคำถาม มีทั้งครูเป็นผู้ประเมิน และเพื่อนประเมินเพื่อน และประเมินโดยกลุ่ม ทั้งนี้การกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการเรียนรู้ และส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์ จากบทความ สถานการณ์ ข่าวสารต่างๆ เป็นการเสนอปัญหาในการสอน โดยเริ่มจากปัญหาง่ายๆ สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวัน เป็นใบกิจกรรม/แบบฝึกทักษะ การจัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ที่ชัดเจน เอาความรู้เดิมมาประยุกต์ใช้ โดยมีความสอดคล้องกับขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ตามเกณฑ์การประเมินครอบคลุ่มชัดเจนและมีความหลากหลายที่เชื่อถือได้มีการใช้แผนการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้หรือลำดับการใช้สื่อประกอบการจัดกิจกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD มีผลการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ มีระดับคุณภาพความเหมาะสมอยู่ระหว่าง 3.80 5.00 มีค่าเฉลี่ยของคะแนนเท่ากับ 4.22 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.96 มีระดับคุณภาพความเหมาะสมระดับมาก มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.12/83.75 เป็นที่ยอมรับได้สูงกว่าตามเกณฑ์ที่กำหนด และดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.7093 คิดเป็นร้อยละ 70.93 ผลคะแนนทดสอบมีคะแนนเฉลี่ยวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกัน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ย ( = 4.43,S.D. = 0.70) อยู่ในระดับดี
|
โพสต์โดย มิก : [6 ม.ค. 2565 เวลา 10:07 น.] อ่าน [3577] ไอพี : 171.96.158.164
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 27,901 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,775 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,165 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,767 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,751 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,640 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,236 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,435 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,108 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,281 ครั้ง
| เปิดอ่าน 70,458 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,913 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,601 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,290 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,831 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 13,136 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,213 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,927 ครั้ง
| เปิดอ่าน 2,281 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,201 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|