ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย(ขิม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โดยใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

ชื่อเรื่องการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย(ขิม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โดยใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

ผู้วิจัย นางปราณี บุญจิ่ม

ปีที่วิจัย 2564

2. ความสำคัญและที่มา

การเล่นดนตรีเป็นความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกซ้อม ผู้ที่มีความสามารถในการเล่นดนตรีได้ก็จะเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษดังนั้นนักเรียนทุกคนต้องเล่นดนตรีได้อย่างน้อยคนะ 1 ชิ้น ในการเรียนวิชาดนตรี เป็นการพัฒนาที่เน้นการปฏิบัติ การสอนเพื่อพัฒนาในด้านทักษะ และการปฏิบัติดนตรี วิชาดนตรีนั้นผู้เรียนจะต้องมีความตั้งใจและสนใจในเวลาเรียนเป็นอย่างมากจึงจะทำให้เรียนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพการอ่านโน้ตเป็นพื้นฐานในการเล่นดนตรีการฝึกฝนตัวเองก็เรียกได้ว่าเป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาในด้านทักษะดนตรีเป็นพื้นฐานในการศึกษาหาความรู้ ในการสอนที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนบางส่วน ยังขาดทักษะในด้านการบรรเลงขิมเป็นอย่างมาก จึงส่งผลมาให้ต้องมีการปรับปรุง และต้องมีการพัฒนาในทักษะนี้อย่างต่อเนื่องและจากการเรียนการสอนนักเรียนทั้งหมด 12 คนมีนักเรียนที่มีปัญหาในทักษะด้านการบรรเลงขิมอยู่ 2 คน ดังนั้น ผู้ที่ทำการวิจัย จึงหาวิธีการที่จะดำเนินการเพื่อที่จะแก้ไขให้นักเรียนบรรเลงได้และพัฒนาให้นักเรียนได้เกิดทักษะในด้านการบรรเลงขิมให้มากยิ่งขึ้นดังนั้นในการพัฒนาในครั้งนี้จะใช้วิธีการประเมินนักเรียนควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนการสอน

3. จุดมุ่งหมาย

เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการบรรเลงขิมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

4. ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น

1. วิธีสอนตามปกติ

2. วิธีการประเมินที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ

3. การทดสอบทักษะในด้านการบรรเลงขิม

ตัวแปรตาม

1. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน

2. ทักษะในด้านการบรรเลงขิม

3. นักเรียนสามารถสอบบรรเลงขิมผ่าน เพลงแขกกุลิต

5. แนวคิดในการวิจัย

1. ให้นักเรียนมีทัศนคติต่อวิชาดนตรีดีขึ้น

2. นักเรียนมีทักษะทางด้านดนตรีไม่เท่ากัน บางคนรับรู้ได้เร็ว บางคนรับรู้ได้ช้า ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกซ้อม และการเอาใจใส่ของตัวนักเรียนเอง

3. เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองและผู้ที่พบเห็น

6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

ผลการวิจัยนี้ จะเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาทักษะในด้านการบรรเลงขิม ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการฝึกทักษะการอ่านโน้ต การบรรเลงโน้ตสามตัว การรัว การตีสลับมือ และให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อวิชาดนตรี มีพื้นฐานดนตรีที่ดี และเพื่อให้การเรียนการสอนวิชาดนตรีสัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น

7. ขอบเขตของการวิจัย

1. กลุ่มที่ศึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวนนักเรียนที่ศึกษา 12 คน ของโรงเรียนหนองโกวิชาประสิทธิ์พิทยาคม อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ในการทำวิจัยครั้งนี้ เลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้เลือกนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจากนักเรียนมีทักษะพื้นฐานในด้านการบรรเลงขิมเป็นการฝึกหัดใหม่ และเด็กนักเรียนพึ่งจะเรียนบรรเลงขิมเป็นเทอมแรก ทำให้นักเรียนยังมีความสนใจเรียนอยู่บ้าง

2. วิธีการสอนบรรเลงขิม วิธีสอนที่ผู้วิจัยได้สอนตามปกติ โดยมีเทคนิคการสอนแบบใหม่ๆ เช่นให้นักเรียนบรรเลงตามและซ้ำ ๆ กันหลาย ๆรอบ ซึ่งต้องการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

3. วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญที่ผู้วิจัยได้ใช้ควบคู่กับการเรียนการสอน เพื่อจะได้ข้อมูลจากตัวนักเรียนและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสูงสุด โดยมีวิธีการที่ใช้ดังต่อไปนี้ คือ โดยการสังเกตการสอนของครู ซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการซ้อม ให้นักเรียนปฏิบัติเป็นกลุ่ม ให้นักเรียนปฏิบัติทีละคน การให้แบบฝึกแต่ขั้น และบรรเลงรวมวง

4. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก ในการเรียนรู้ในวิชาดนตรี ด้านการอารมณ์ของเพลงเวลาบรรเลง บรรเลงตามครูได้ และการทำแบบฝึกหัดที่ครูให้

5. ทักษะการเรียนในวิชาดนตรี หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการเรียนวิชาดนตรี เกี่ยวกับการบรรเลงขิม สามารถบรรเลงขิมได้อย่างถูกต้องและตรงกับจังหวะ โดยมีเกณฑ์ผ่านร้อยละ 80 ขึ้นไปของเพลงที่เรียน จากการทดสอบเก็บคะแนน

8. วิธีดำเนินการวิจัย

1. การกำหนดระยะเวลาทำการวิจัย ระยะเวลาที่ทำการวิจัยทั้งหมด 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 2 ครั้ง โดยผู้วิจัยกำหนดให้นักเรียนบรรเลงขิมในช่วงพักกลางวัน ในแต่ละครั้ง ครูก็จะบันทึกหลังความก้าวหน้าของตัวนักเรียน

9. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามแผนการสอนตามปกติ โดยครอบคลุมเนื้อหาในการบรรเลงขิม เพลงแขกกุลิต 2 ชั้น

10. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

นักเรียนหลายคนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถอ่านโน้ตและบรรเลงขิมเป็นเพลงได้

11. สรุปผลการวิจัย

นักเรียนจำนวนหนึ่งมีการพัฒนาทักษะในการบรรเลงขิมที่ดีขึ้น ต่างจาการสอนแบบวิธีปกติ โดยวิธีการให้นักเรียนมาซ้อมในเวลาพักกลางวันและให้นักเรียนที่บรรเลงขิมได้แล้ว สอนให้กับนักเรียนที่ยังบรรเลงขิมไม่ได้โดยบรรเลงทีละบรรทัด ซ้ำไปซ้ำมาจนนักเรียนบรรเลงได้คล่อง แล้วจับกลุ่มมาสอบกับคุณครู นักเรียนจึงเกิดทักษะในการบรรเลงขิมที่ดีขึ้น สามารถบรรเลงขิมได้ชัดเจน ถูกต้อง ซึ่งนำมาสู่การพัฒนาทักษะการบรรเลงขิมและการเล่นดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว

12. ข้อคิดที่ได้จากการวิจัย

การทำอะไรให้ตามให้ประสบผลสำเร็จนั้น ย่อมแลกด้วยอุปสรรคต่าง ๆ นานา การที่นักเรียนบรรเลงขิมได้นั้น ถือเป็นความภาคภูมิใจของนักเรียนและคุณครูผู้ฝึกสอน

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย(ขิม)

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

โดยใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

ผู้วิจัย

นางปราณี บุญจิ่ม

โรงเรียนหนองโกวิชาประสิทธิ์พิทยาคม

องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม

หลักฐานการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ

นางปราณี บุญจิ่ม

ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนหนองโกวิชาประสิทธิ์พิทยาคม

องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม

โพสต์โดย แอ้ : [22 ธ.ค. 2564 เวลา 12:14 น.]
อ่าน [3896] ไอพี : 101.51.208.129
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,450 ครั้ง
จัดฮวงจุ้ยอย่างไร จึงจะช่วยส่งเสริมให้การงานเด่น กิจการมั่นคงเจริญรุ่งเรือง
จัดฮวงจุ้ยอย่างไร จึงจะช่วยส่งเสริมให้การงานเด่น กิจการมั่นคงเจริญรุ่งเรือง

เปิดอ่าน 11,327 ครั้ง
รู้เท่าทันก่อนจะหันมาใช้ "บัตรเครดิต" โดย สคบ.
รู้เท่าทันก่อนจะหันมาใช้ "บัตรเครดิต" โดย สคบ.

เปิดอ่าน 2,557 ครั้ง
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"

เปิดอ่าน 31,082 ครั้ง
ดอกดาหลา
ดอกดาหลา

เปิดอ่าน 10,304 ครั้ง
วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน
วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน

เปิดอ่าน 9,984 ครั้ง
เคล็ดลับการดูแลเท้า
เคล็ดลับการดูแลเท้า

เปิดอ่าน 13,770 ครั้ง
นางสงกรานต์ ปี 2552
นางสงกรานต์ ปี 2552

เปิดอ่าน 2,262 ครั้ง
เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเรารั่วไหล เราจะรับมือแล้วป้องกันอย่างไร?
เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเรารั่วไหล เราจะรับมือแล้วป้องกันอย่างไร?

เปิดอ่าน 15,486 ครั้ง
กำจัดความเครียดได้ง่าย ๆ ด้วยการกินอาหาร
กำจัดความเครียดได้ง่าย ๆ ด้วยการกินอาหาร

เปิดอ่าน 12,790 ครั้ง
คลิป ดช ตาบอด 4 ขวบ ไม่ท้อชีวิต ใช้ไม้เท้าฝึกข้ามถนนเอง
คลิป ดช ตาบอด 4 ขวบ ไม่ท้อชีวิต ใช้ไม้เท้าฝึกข้ามถนนเอง

เปิดอ่าน 11,772 ครั้ง
โยคะดีกับผิว เหมาะกับวัย
โยคะดีกับผิว เหมาะกับวัย

เปิดอ่าน 39,480 ครั้ง
การแก้ระบบสมการ โดยใช้วิธีเมตริกผกผัน
การแก้ระบบสมการ โดยใช้วิธีเมตริกผกผัน

เปิดอ่าน 18,650 ครั้ง
กินพริกแล้วจะช่วยให้ลดความอ้วนได้หรอ?
กินพริกแล้วจะช่วยให้ลดความอ้วนได้หรอ?

เปิดอ่าน 30,834 ครั้ง
วิธีดูว่าไข่เน่าหรือไม่
วิธีดูว่าไข่เน่าหรือไม่

เปิดอ่าน 9,014 ครั้ง
มารู้จักวิธีป้องสิวกันดีกว่า
มารู้จักวิธีป้องสิวกันดีกว่า

เปิดอ่าน 13,009 ครั้ง
ค้นพบโลกใบที่ 2 มีอุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวจนมากเกินไป
ค้นพบโลกใบที่ 2 มีอุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวจนมากเกินไป
เปิดอ่าน 34,384 ครั้ง
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?
เปิดอ่าน 15,604 ครั้ง
เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1
เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1
เปิดอ่าน 9,934 ครั้ง
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
เปิดอ่าน 30,122 ครั้ง
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ