ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ

ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการรณรงค์ปองกันและแกไขปญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ

ผู้วิจัย นายสันติ ถาวรพรหม

ปีที่ทำการวิจัย 2563

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินโครงการรณรงค์ปองกันและแกไขปญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โดยใช้การประเมินรูปแบบซิปเปียสท์ (CIPPIEST Model) ของดาเนียล แอล สตัฟเฟิลบีม (Danial L.Stuffelbeam) ตามประเด็นการประเมิน 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริบท (Context Evaluation) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) ด้านผลกระทบ (Impact Evaluation) ด้านประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ด้านความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) ด้านการถ่ายทอดส่งต่อ (Transportation Evaluation) และการสนทนากลุ่มเพื่อประเมินความคิดเห็นที่มีต่อพฤติกรรมที่นำไปสู่การมีทัศนคติ “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่ง ยาเสพติด” ของสมาชิกชมรม ฯ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มที่ให้ข้อมูลโดยการตอบแบบสอบถาม ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 1 คน คณะครู จำนวน 53 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 90 คน รวม 144 คน 2) กลุ่มที่ให้ข้อมูลโดยการสนทนากลุ่ม คือ คณะกรรมการบริหารชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถามจำนวน 7 ฉบับ แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1) เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นแบบมาตราส่วนการประมาณค่า (Rating scale) ด้วยเทคนิคการจัดแบบลิเกิร์ต (Likert) 5 ระดับ ตอนที่ 2) เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นแบบปลายเปิด (Open-ended Form) เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม และแบบสนทนากลุ่มซึ่งเป็นประเด็นการสนทนากลุ่มเพื่อแสดงความคิดเห็นที่มีต่อพฤติกรรมที่นำไปสู่การมีทัศนคติ “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่ง ยาเสพติด” ของสมาชิกชมรม ฯ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการวิเคราะห์เนื้อหาสรุปข้อความคิดเห็น (Content analysis)

ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้

1. ด้านบริบท (Context) พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.80) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับพระราชดํารัสของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นโรงเรียนเพชรวิทยาคารมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.85) รองลงมาคือ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) ของรัฐบาล, วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษายาเสพติด ปี 2562 ของ ปปส. และ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับ แนวทางการดำเนินโครงการ TO BE NUMBER ONE ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (ค่าเฉลี่ย=4.76) ตามลำดับ

2. ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.72) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความเหมาะสมของสถานที่ที่ใช้ในการดำเนินโครงการมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.80) รองลงมาคือ ความเหมาะสมของบุคลากรในการดำเนินโครงการ และ ความเหมาะสมของวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินโครงการ (ค่าเฉลี่ย=4.78) ความเหมาะสมของการบริหารจัดการการดำเนินโครงการของฝ่ายบริหาร (ค่าเฉลี่ย=4.76) ความเหมาะสมของแผนงานในการดำเนินโครงการ และ ความเพียงพอของบุคลากรในการดำเนินโครงการ (ค่าเฉลี่ย=4.70) ความเพียงพอของวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินโครงการ (ค่าเฉลี่ย=4.69) และความเพียงพอของงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าเฉลี่ย=4.59) ตามลำดับ

3. ด้านกระบวนการ (Process) พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.70) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีการแก้ไขปรับปรุงวิธีการดำเนินการเมื่อพบข้อบกพร่องขณะดำเนินงานโครงการ และ มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามโครงการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องมีค่าเฉลี่ย สูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.74) รองลงมาคือ มีการประเมินผลแต่ละกิจกรรมในโครงการโดยใช้เทคนิคและวิธีการที่หลากหลาย (ค่าเฉลี่ย=4.72) มีการติดตามประสานงานการจัดกิจกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และ มีการกำกับ ติดตาม ควบคุมการดำเนินงานโครงการ (ค่าเฉลี่ย=4.70) มีการดำเนินกิจกรรมโครงการตามแผนงานที่กำหนดไว้, มีการจัดกิจกรรมโครงการในรูปแบบที่หลากหลายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในโครงการ และ มีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างทั่วถึง (ค่าเฉลี่ย=4.69) และมีการกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประเมินผลโครงการตามความเหมาะสม (ค่าเฉลี่ย=4.67) ตามลำดับ

4. ด้านผลกระทบ พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวม ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย=4.23) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.27) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างและพัฒนาเครือข่าย เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (ค่าเฉลี่ย=4.26) ผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสำคัญของการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกและกระแสนิยมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด (ค่าเฉลี่ย=4.24) ผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสำคัญของการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกและกระแสนิยมในการป้องกันยาเสพติด (ค่าเฉลี่ย=4.20) และผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหายาเสพติดในสังคมไทยและสังคมโลก (ค่าเฉลี่ย=4.19) ตามลำดับ

5. ด้านประสิทธิผล พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.72) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า การเป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ของผู้เรียนโรงเรียนเพชรวิทยาคารมีค่าเฉลี่ย สูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.87) รองลงมาคือ การเป็นศูนย์เรียนรู้ TO BE NUMBER ONE ของอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ (ค่าเฉลี่ย=4.78) การเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโครงการ TO BE NUMBER ONE ของโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ (ค่าเฉลี่ย=4.74) ทักษะในการดำเนินชีวิต ภูมิคุ้มกันทางจิตใจของผู้เรียนและชุมชน (ค่าเฉลี่ย=4.70) ศักยภาพ ความสามารถด้านต่าง ๆ ทักษะการเข้าสังคม เยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE ของผู้เรียน และ โรงเรียนมีการใช้ศูนย์การเรียนรู้ TO BE NUMBER ONE ในชั่วโมงเรียน 4 เอช (4H) (ค่าเฉลี่ย=4.69) และการนำหลักการ 3ก3ย ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน (ค่าเฉลี่ย=4.61) ตามลำดับ

6. ด้านความยั่งยืน พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย=4.31) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า การมีจิตอาสาของคณะกรรมการบริหารชมรม TO BE NUMBER ONE และ การตั้งศูนย์ เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.45) รองลงมาคือ การอบรมอาสาสมัครแกนนำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE และ ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม TO BE NUMBER ONE สานฝันประชาธิปไตย (ค่าเฉลี่ย=4.40) การรณรงค์การป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดทั้งในและนอกสถานศึกษา, ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE รักษ์สิ่งแวดล้อม, ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE Entertainment และ ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE เติมฝันวัยทีน (ค่าเฉลี่ย=4.38) การพัฒนาเครือข่ายชมรม TO BE NUMBER ONE (ค่าเฉลี่ย=4.37) การจัดทำสื่อเพื่อการรณรงค์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (ค่าเฉลี่ย=4.36) ความสามารถของคณะกรรมการบริหารชมรม TO BE NUMBER ONE และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับชมรม TO BE NUMBER ONE อื่น ๆ (ค่าเฉลี่ย=4.34) ภาวะผู้นำของคณะกรรมการบริหารชมรม TO BE NUMBER ONE และ ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE แบ่งปันความสุข (ค่าเฉลี่ย=4.33) ความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE น้อมใจใฝ่ธรรมะ (ค่าเฉลี่ย=4.24) กองทุนที่ได้มาจากการระดมทุนภายนอกโรงเรียน (ค่าเฉลี่ย=4.20) กองทุนที่ได้มาจากการระดมทุนภายในโรงเรียน (ค่าเฉลี่ย=4.17) ปัญหาของการดำเนินโครงการ TO BE NUMBER ONE (ค่าเฉลี่ย=4.06) และ อุปสรรคในการดำเนินโครงการ TO BE NUMBER ONE (ค่าเฉลี่ย=3.93) ตามลำดับ

7. ด้านการถ่ายทอดส่งต่อ พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.58) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความถี่ในการให้บริการศูนย์การเรียนรู้ TO BE NUMBER ONE แก่ผู้เรียนของโรงเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย=4.65) รองลงมาคือ ความถี่ในการให้บริการศูนย์การเรียนรู้ TO BE NUMBER ONE แก่บุคลากรของโรงเรียนและสถานศึกษาอื่น ๆ ในจังหวัดชัยภูมิ และ ความถี่ในการให้บริการศูนย์การเรียนรู้ TO BE NUMBER ONE แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ในประเทศไทย (ค่าเฉลี่ย=4.59) ความถี่ในการสร้างเครือข่าย TO BE NUMBER ONE กับสถานศึกษาอื่น ๆ หน่วยงาน องค์กร และชุมชนในจังหวัดชัยภูมิ (ค่าเฉลี่ย=4.56) และความถี่ในการสร้างเครือข่าย TO BE NUMBER ONE กับสถานศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน (ค่าเฉลี่ย=4.52) ตามลำดับ

8. ผลการสนทนากลุ่มกับคณะกรรมการบริหารชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร เพื่อประเมินพฤติกรรมที่นำไปสู่การมีทัศนคติ “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด” ของสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE พบว่า สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคารส่วนใหญ่ ค้นพบสิ่งที่ตน ชื่นชอบ สนใจ และมีความถนัด โดยได้จัดตั้งกลุ่มเพื่อรวบรวมสมาชิกกลุ่มใหญ่ อาทิ กลุ่มดนตรี กลุ่มกีฬา กลุ่มศิลปะ และกลุ่มนาฏศิลป์ และได้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยแขนงต่าง ๆ คือ กลุ่มดนตรีสากล กลุ่มนักร้องกลุ่มดนตรีไทย กลุ่มดนตรีพื้นบ้าน กลุ่มวอลเลย์บอล กลุ่มฟุตบอล กลุ่มฟุตซอล กลุ่มเทเบิลเทนนิส กลุ่มแบดมินตัน กลุ่มจิตรกรรมลายเส้น กลุ่มจิตรกรรมสีน้ำ กลุ่มจิตรกรรมสีโปสเตอร์ กลุ่มประติมากรรม กลุ่มนาฏศิลป์ไทย และกลุ่มนักเต้น โดยแต่ละกลุ่มย่อยมีความกระตือรือร้นเพียรพยายามใช้เวลาว่างในการแสวงหาความรู้ เทคนิค วิธีการ และฝึกฝนทักษะ ในสิ่งที่ตนมีความชื่นชอบ สนใจ และถนัด อยู่เป็นประจำ และมีความเพียรพยายามในการแสดงความสามารถด้วยการจัดแสดงภายในโรงเรียน การเข้าประกวดและแข่งขันในระดับต่าง ๆ ซึ่งผลการประกวดและการแข่งขันมีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ดี จากการที่สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนเพชรวิทยาคาร ส่วนใหญ่มีโอกาสในการแสดงออกและการประกวดแข่งขันต่าง ๆ ทำให้มีความสุข มีความเชื่อมั่น และมีความภาคภูมิใจในตนเอง อันเป็นพฤติกรรมที่จะนำไปสู่การมีทัศนคติ “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด” ในที่สุด

โพสต์โดย จ๊อด : [19 ธ.ค. 2564 เวลา 13:05 น.]
อ่าน [2906] ไอพี : 182.52.252.143
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 29,719 ครั้ง
Nanmeebooks Reading Club ปีที่ 9
Nanmeebooks Reading Club ปีที่ 9

เปิดอ่าน 8,386 ครั้ง
ยันแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้ก่อมลพิษฯ ทำให้เกิดมะเร็ง
ยันแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้ก่อมลพิษฯ ทำให้เกิดมะเร็ง

เปิดอ่าน 10,392 ครั้ง
ชายวัย 70 ปี เหยียบไข่ 108 ฟองไม่แตก
ชายวัย 70 ปี เหยียบไข่ 108 ฟองไม่แตก

เปิดอ่าน 22,099 ครั้ง
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 16,560 ครั้ง
เงิน กับ ธรรมะ
เงิน กับ ธรรมะ

เปิดอ่าน 11,343 ครั้ง
มหกรรมไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 17  :  29 ต.ค.-1 พ.ย. นี้
มหกรรมไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 17 : 29 ต.ค.-1 พ.ย. นี้

เปิดอ่าน 29,798 ครั้ง
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย

เปิดอ่าน 34,130 ครั้ง
xDSL คืออะไร?
xDSL คืออะไร?

เปิดอ่าน 19,844 ครั้ง
วิตามิน บี
วิตามิน บี

เปิดอ่าน 11,020 ครั้ง
9 เรื่องเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณก้าวหน้า
9 เรื่องเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณก้าวหน้า

เปิดอ่าน 50,445 ครั้ง
ประโยชน์จาก "ส้มตำ"
ประโยชน์จาก "ส้มตำ"

เปิดอ่าน 28,047 ครั้ง
พืชอเนกประสงค์
พืชอเนกประสงค์

เปิดอ่าน 28,475 ครั้ง
3 แหล่งเรียนรู้เด็ดให้เก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ
3 แหล่งเรียนรู้เด็ดให้เก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ

เปิดอ่าน 11,054 ครั้ง
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ

เปิดอ่าน 11,137 ครั้ง
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น

เปิดอ่าน 13,669 ครั้ง
"กาบา (GABA)" สารอาหารในเมล็ดข้าว
"กาบา (GABA)" สารอาหารในเมล็ดข้าว
เปิดอ่าน 10,993 ครั้ง
5 อาชีพที่ทำได้แม้อยู่บ้าน
5 อาชีพที่ทำได้แม้อยู่บ้าน
เปิดอ่าน 14,428 ครั้ง
ผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการ
ผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการ
เปิดอ่าน 9,655 ครั้ง
ทำยังไงถึงจะยังหนุ่มสาว
ทำยังไงถึงจะยังหนุ่มสาว
เปิดอ่าน 32,094 ครั้ง
ดอกคำฝอย สมุนไพรปกป้องหัวใจ ลดไขมันในเลือด
ดอกคำฝอย สมุนไพรปกป้องหัวใจ ลดไขมันในเลือด

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ