ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA (Merdoch Integrated Approach )

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน

ชื่อเรื่อง : การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA (Merdoch Integrated Approach )

ผู้วิจัย : นางสาวณัฏฐณิกานต์ ทองโคตร

ความสำคัญและปัญหา

ในโลกสังคมปัจจุบันการเรียนรู้ภาษาต่างประทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซึ่งไมตรีและร่วมมือกับประเทศต่างๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การเมือง การปกครองมีเจตนคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆได้ง่ายขึ้น มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิต (กระทรงศึกษาธิการ. 2551 : 56) นอกจากนี้คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลของโลกที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และเข้ามามีบทบาทสำคัญในวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนไม่น้อย จากอิทธิพลความก้าวไกลทางด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร ส่งผลให้ภาษาอังกฤษทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เมื่อประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งสมาชิกที่ก้าวสู่ประเทศอาเซียน ภาษาอังกฤษยิ่งทวีความสำคัญและความจำเป็นมากขึ้น จึงต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมพัฒนาเด็ก เยาวชน และคนไทยให้มีคุณภาพและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สังคมคาดหวัง ครูผู้สอนซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ เพื่อพัฒนาสังคมต้องมีการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน ใฝ่ศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา แสวงหาเทคนิควิธีสอนใหม่ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและการจัดกิจกรรมการเรียนที่หลากหลาย ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญพร้อมสนับสนับสนุนกระบวนการจัดการเรียนการสอนในการเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ กระตุ้นให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญของภาษาประจำชาติและภาษาต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้ในสังคมอาเซียนและเวทีโลกต่อไป (ฟาฏินา วงศเลขา. 2553 : 1)

จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนายางกลักพิทยาคม พบว่าทักษะที่เป็นปัญหามากที่สุดได้แก่ทักษะการอ่าน เพราะนักเรียนอ่านเนื้อหาไม่เข้าใจ ไม่สามารถวิเคราะห์และตอบคำถามจากเรื่องที่อ่านได้ จากผลการทดสอบระดับโรงเรียน นักเรียนเรียนได้คะแนนเฉลี่ยทักษะการอ่านต่ำกว่า 50 ซึ่งเป็นคะแนนผ่านเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด( โรงเรียนนายางกลักพิทยาคม. 2559) และพบว่าการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2559 มีคะแนนเฉลี่ยในสาระการเรียนรู้ระดับโรงเรียนเท่ากับ 22.32 ซึ่งต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศมีคะแนนเฉลี่ย 29.93 คิดเป็น วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่นักเรียนทำคะแนนได้ต่ำสุด

ดังนั้นทำให้ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA (Murdoch Integrated Approach) เพื่อที่จะช่วยพัฒนาความสามารถด้านการอ่านได้ตามกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเป็นขั้นตอนได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนนายางกลักพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพ (E1/ E2 ) ตามเกณฑ์ 75/75

2. เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA

3. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน

4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA

ขอบเขตการวิจัย

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

1.1 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนายางกลักพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 88 คน ใน 4 ห้อง มีเด็กคละความสามารถ เก่ง กลาง อ่อน

1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 คน โรงเรียนนายางกลักพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 นักเรียน 1 ห้องเรียน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)

2. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย

2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA

2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่

2.2.1 ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ

2.2.2 ความพึงพอใจของนักเรียน

3. เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย เป็นเนื้อหาในรายวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วย 4 สาระการเรียนรู้ 8 มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ประกอบด้วยเรื่อง A beautiful planet Elephant talk Bangkok taxi A special award Guide dogs and Future scooter

4. ระยะเวลา การทดลองดำเนินการทดลอง ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 12 ชั่วโมง

5. สถานที่วิจัย โรงเรียนนายางกลักพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา

เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ

วิธีดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล

1. ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดความสามมารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ เป็นแบบทดสอบปรนัย จำนวน 30 ข้อ ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นและวิเคราะห์หาคุณภาพแล้ว แล้วบันทึกผลการสอบไว้เป็นคะแนนก่อนเรียน

2. ดำเนินการทดลอง ผู้วิจัยได้ค้นคว้าทดลองการสอนภาษาอังกฤษกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ที่ได้จัดทำขึ้นกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 6 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง

3. หลังการทดลองครบตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ผู้วิจัยได้ทดสอบหลังเรียน (Post-test) เพื่อทดสอบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของกลุ่มตัวอย่าง หลังจากผ่านการเรียนมาแล้วด้วยแบบทดสอบเดิม

4. สอบถามความพึงพอใจของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ซึ่งแบ่งความพึงพอใจที่ต้องการวัดออกเป็น 3 ด้าน คือ ความพึงพอใจด้านบรรยากาศการเรียนรู้ ความพึงพอใจด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และความพึงพอใจด้านประโยชน์ที่นักเรียนได้รับแบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 13 ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามขั้นตอน ดังนี้

1. วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA โดยใช้สูตร E1/ E2

2. วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านการพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA โดยใช้สูตร E.I.

3. เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านการพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t-test (Dependent Samples)

4. วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA โดยใช้ค่า , S.D. แล้วเทียบกับเกณฑ์

ผลการวิจัย

1. แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 85.25/82.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 75/75

2. ค่าดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ของนักเรียนเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีค่าเท่ากับ 0.7331 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.31

3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้ แบบ MIA โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( 4.53 , S.D. = 0.57 )

ข้อเสนอแนะ

1. ข้อเสนอแนะเพื่อนำผลการวิจัยไปใช้

1.1 การจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้แบบฝึกทักษะตามแนวการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ครูผู้สอนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ในการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับวิธีสอนดังกล่าว เตรียมสื่อ อุปกรณ์การสอน เช่น ใบความรู้ บัตรภาพ แผ่นภาพ แบบประเมิน แบบบันทึกคะแนน สถานที่ที่ทำการสอนตลอดจนบรรยากาศให้เอื้อและส่งเสริมต่อการจัดกิจรรมการเรียนรู้

1.2 การแบ่งกลุ่มนักเรียนแต่ละกลุ่มควรแบ่งนักเรียนให้คละความสามารถ คือ เด็กเก่ง เด็กปานกลาง และเด็กอ่อน เพื่อนักเรียนจะได้ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม

1.3 การปฏิบัติกิจกรรมในใบความรู้ แบบฝึกหัด ครูควรให้เวลาทำให้เสร็จสิ้นในเวลาเรียนและแจ้งผลการเรียนให้นักเรียนทราบทันที

โพสต์โดย อันอัน : [8 ธ.ค. 2564 เวลา 12:21 น.]
อ่าน [4594] ไอพี : 171.101.75.132
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,436 ครั้ง
ที่แท้ ซีอิ๊ว ก็มีต้นกำเนิดจากน้ำปลาบ้านเรานี่เอง
ที่แท้ ซีอิ๊ว ก็มีต้นกำเนิดจากน้ำปลาบ้านเรานี่เอง

เปิดอ่าน 17,507 ครั้ง
สมุนไพรพิชิตหน้าหนาว
สมุนไพรพิชิตหน้าหนาว

เปิดอ่าน 34,353 ครั้ง
คู่มือการจัดทำแผนชั้นเรียนรายปีและแผนชั้นเรียนเต็มรูปของสถานศึกษา สังกัด สพฐ.
คู่มือการจัดทำแผนชั้นเรียนรายปีและแผนชั้นเรียนเต็มรูปของสถานศึกษา สังกัด สพฐ.

เปิดอ่าน 9,323 ครั้ง
2 สูตรความงามจากน้ำผึ้ง
2 สูตรความงามจากน้ำผึ้ง

เปิดอ่าน 16,281 ครั้ง
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"

เปิดอ่าน 69 ครั้ง
เช็ก 6 ข้อดี ทำไม Invisalign จึงเหมาะกับเด็กวัยเรียน ?
เช็ก 6 ข้อดี ทำไม Invisalign จึงเหมาะกับเด็กวัยเรียน ?

เปิดอ่าน 35,342 ครั้ง
ศิลปะการเห่เรือ
ศิลปะการเห่เรือ

เปิดอ่าน 19,845 ครั้ง
เกมส์
เกมส์

เปิดอ่าน 41,547 ครั้ง
เข้าใจการวางแผนสื่อโฆษณา covid-19 ช่วยธุรกิจปรับตัวได้ดีขึ้น
เข้าใจการวางแผนสื่อโฆษณา covid-19 ช่วยธุรกิจปรับตัวได้ดีขึ้น

เปิดอ่าน 33,953 ครั้ง
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 10,878 ครั้ง
กลิ่นกุหลาบช่วยกระตุ้นหน่วยความจำ
กลิ่นกุหลาบช่วยกระตุ้นหน่วยความจำ

เปิดอ่าน 25,277 ครั้ง
มาตราวัด มาตราชั่ง กับมาตราเงินของสยาม
มาตราวัด มาตราชั่ง กับมาตราเงินของสยาม

เปิดอ่าน 15,321 ครั้ง
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล

เปิดอ่าน 31,232 ครั้ง
วิธีเพาะทานตะวันงอก
วิธีเพาะทานตะวันงอก

เปิดอ่าน 2,625 ครั้ง
5 วิธีง่ายๆ! ช่วยหยุดทานอาหารด้วยความเครียด
5 วิธีง่ายๆ! ช่วยหยุดทานอาหารด้วยความเครียด

เปิดอ่าน 15,946 ครั้ง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"
เปิดอ่าน 317 ครั้ง
4 หลักการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคข้อเข่าเสื่อม
4 หลักการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคข้อเข่าเสื่อม
เปิดอ่าน 21,748 ครั้ง
"แก่นตะวัน" สุดยอดพืชมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์
"แก่นตะวัน" สุดยอดพืชมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์
เปิดอ่าน 18,456 ครั้ง
ชมคลิปฮ็อต เปิดใจ "น้องมันตรา-พริตตี้สาว" คู่กรณีวลีเด็ด "แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.-ไม่ช็อต!"
ชมคลิปฮ็อต เปิดใจ "น้องมันตรา-พริตตี้สาว" คู่กรณีวลีเด็ด "แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.-ไม่ช็อต!"
เปิดอ่าน 33,327 ครั้ง
ฝรั่งมาไทยแล้วอัพคลิป "Never Go To Thailand" เพราะอะไร? ไม่กดดู ไม่ได้แล้ว....
ฝรั่งมาไทยแล้วอัพคลิป "Never Go To Thailand" เพราะอะไร? ไม่กดดู ไม่ได้แล้ว....

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ