ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเมืองคง โดยใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

วิทยาศาสตร์ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของสิ่งต่างๆบนโลกไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบความต้องการและเพื่อความสะดวกสบายในชีวิต ล้วนแล้วแต่มีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นในการคิดค้นและพัฒนา วิทยาศาสตร์จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในสังคมโลกทั้งปัจจุบันและอนาคต ที่มีวิวัฒนาการที่เจริญก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา เพราะวิทยาศาสตร์ทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณมีทักษะ

ที่สำคัญในการศึกษาหาความรู้มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์จึงเป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีความรู้ความ เข้าใจโลกธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นและนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี และยังช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ การดูแลรักษา ตลอดจนการพัฒนาสิ่งแวดล้อม

และทรัพยากรธรรมชาติ อย่างสมดุลและยั่งยืน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันกับนานาประเทศและดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข การสร้างความเข็มแข็งทางด้านวิทยาศาสตร์องค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่ง คือการจัดการศึกษา เพื่อเตรียมคนให้อยู่ในสังคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ (รพีพรรณ เพียรเสมอ. 2550: 1)

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของชาติ ให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์

ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐานรวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษา ต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ และสมรรถนะของผู้เรียน(หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช. 2551: 7)

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนในชีวิตประจำวัน วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ความเป็นเหตุเป็นผล มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้และสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลาย ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นทุกคน

จึงต้องการพัฒนาความสามารถ โดยการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้อย่างมีเหตุผล

วิชาฟิสิกส์(Physics)เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความรู้

ขั้นพื้นฐาน เพื่อที่จะนำมาไปใช้ในวิชาต่างๆ เนื่องจากวิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับความจริง

ในธรรมชาติ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นรอบตัวและสามารถค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุผล นอกจากนี้ฟิสิกส์ยังเป็นพื้นฐานของการนำไปประยุกต์ในวิชาต่างๆเช่น วิศวกรรมศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น ตลอดจนก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาพื้นฐานและงานวิจัยขั้นสูงทางฟิสิกส์อย่างมาก (ดำรงศักดิ์ มีวรรณ์. 2552 : 2)

ปัจจุบันการเรียนการสอนฟิสิกส์จะเน้นการบรรยายและเน้นตัวเนื้อหามากกว่ากระบวนการส่งผลให้ผู้เรียนไม่มีโอกาสในการร่วมคิดและแก้ปัญหา ซึ่งเมื่อใช้วิธีดังกล่าวเป็นประจำจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย และไม่สนใจในการเรียน ผู้เรียนจึงไม่เกิดกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้จากการที่ผู้เรียนเบื่อหน่ายในการเรียนวิชาฟิสิกส์ ทำให้เกิดทัศนคติที่ว่าฟิสิกส์เป็นวิชาที่ยาก ถึงจะตั้งใจเรียน

แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ของผู้เรียน ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ผู้เรียนสอบไม่ผ่านเกณฑ์ ไม่สามารถจินตนาการในการมองภาพจากทฤษฎีได้ ขาดทักษะในการคิดคำนวณถึงแม้โจทย์จะมีลักษณะคล้ายกับตัวอย่าง และเมื่อต้องแก้โจทย์ปัญหาที่มีความซับซ้อนก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มแก้โจทย์ปัญหาอย่างไร ชุดแบบฝึกทักษะจึงถือเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยม

อย่างแพร่หลาย และช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ตามความสามารถและฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองอีกด้วย

จากการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเมืองคง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ผู้วิจัยพบว่านักเรียนยังไม่เข้าใจในเนื้อหาสาระและกระบวนการที่จะสามารถแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์นี้ได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้จัดทำนวัตกรรม แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนใหมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชนกับผู้เรียนมากที่สุด

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์

เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 70/70

2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเมืองคง เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 หลังจากการใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

ความสำคัญของการวิจัย

1) ทำให้ทราบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โรงเรียนเมืองคง เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 โดยใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

2) ทำให้นักเรียนสามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ และยังช่วยให้นักเรียนมีทักษะในการแก้โจทย์ปัญหาทักษะการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น

1.4 สมมติฐานของการวิจัย

1) แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 ที่สร้างขึ้นสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 70/70

2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน

และหลังเรียน จะมีคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียน

กรอบแนวคิดการวิจัย

1) ตัวแปรอิสระ คือ แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206

2) ตัวแปรตาม คือ ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์

เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ขอบเขตของการวิจัย

1) ขอบเขตด้านเนื้อหา

ทำการวิจัยในเนื้อหา เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ ประกอบไปด้วยเนื้อหา เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ ของรายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206

2) ประชากร

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนเมืองคง ที่เรียนรายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

3) กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ของโรงเรียนเมืองคง ที่เรียนรายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา

ว33206 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 33 คน โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling)

4) ตัวแปรการวิจัย

4.1) ตัวแปรอิสระ คือ แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206

4.2) ตัวแปรตาม คือ ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โรงเรียนเมืองคง หลังจากได้ศึกษาแบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

การวิจัยเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเมืองคง โดยใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ มีเครื่องมือและเนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยดังนี้

1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ จำนวน 1 แผน 2 ชั่วโมง

2) แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ รหัสวิชา ว33206

3) แบบทดสอบ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ 10 คะแนน

4) หนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6

ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย

ผู้วิจัยใช้ระยะเวลาในการวิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 2 คาบ(เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที) วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564

นิยามศัพท์เฉพาะ

เนื่องจากคำบางคำที่ใช้ในการศึกษาอาจมีความหมายที่แตกต่างจากคำที่ใช้กันทั่วไป ผู้วิจัยจึงได้กำหนดความหมายของคำให้เป็นที่เข้าใจตรงกันดังนี้

1) แผนการสอน หมายถึง แผนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ฟิสิกส์อะตอม เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ ซึ่งในรายละเอียดของ แผนการสอนประกอบด้วยมาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ กระบวนการการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมินผล และบันทึกผลการเรียนการสอน

2) แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ หมายถึง เครื่องมือที่สร้างขึ้นใช้สำหรับประเมินผลความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนระหว่างการเรียนรู้ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

3) การเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ หมายถึง การได้รับความรู้จากเครื่องมือที่สร้างขึ้นสำหรับใช้ประเมินความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนระหว่างการเรียนรู้ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

4) ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ หมายถึง คุณภาพของแบบฝึกทักษะที่วัดจากค่าเฉลี่ย

ของคะแนนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ทำแบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ และแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามเกณฑ์ที่กำหนด 70/70

70 ตัวแรก (E1) หมายถึง คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนในกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะระหว่างเรียน เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับความดัง

70 ตัวหลัง (E2) หมายถึง คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมดที่ได้จากการทำแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (ผลลัพธ์) (Post - test)

5) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้จากแบบทดสอบหลังเรียนวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์

6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง เครื่องมือที่สร้างขึ้นสำหรับวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังการเรียน

7) นักเรียน หมายถึง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ที่เรียนในรายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

8) โรงเรียน หมายถึง โรงเรียนเมืองคง ตำบลเมืองคง อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1) แบบฝึกทักษะการคำนวณโจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง สมมติฐานของพลังค์และทฤษฎีอะตอมของโบว์ รายวิชาฟิสิกส์ 6 รหัสวิชา ว33206 ที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ในประกอบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด 70/70

2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นและทำให้คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบ

หลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียนโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3) แบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้นใช้เป็นตัวอย่างเกี่ยวกับสื่อในการสอนให้กับกลุ่มสาระอื่นๆ หรือผู้ที่สนใจต่อไป

4) แบบฝึกทักษะนี้ผู้ที่สนใจสามารถศึกษา และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

โพสต์โดย เจี๊ยบ : [25 พ.ย. 2564 เวลา 10:45 น.]
อ่าน [3942] ไอพี : 159.192.148.45
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 26,745 ครั้ง
ปัสสาวะบอกโรค ลองสังเกตตัวเองดูสิ
ปัสสาวะบอกโรค ลองสังเกตตัวเองดูสิ

เปิดอ่าน 22,568 ครั้ง
มารู้จัก nano sim ...ซิมแบบใหม่ใน iPhone 5
มารู้จัก nano sim ...ซิมแบบใหม่ใน iPhone 5

เปิดอ่าน 16,986 ครั้ง
Timeline เกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนเครือข่าย ของโรงเรียนดีใกล้บ้าน
Timeline เกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนเครือข่าย ของโรงเรียนดีใกล้บ้าน

เปิดอ่าน 9,980 ครั้ง
เคล็ดลับ 12 ข้อ จากแพทย์จีน
เคล็ดลับ 12 ข้อ จากแพทย์จีน

เปิดอ่าน 7,857 ครั้ง
อย่ากวดวิชาอย่างเดียว
อย่ากวดวิชาอย่างเดียว

เปิดอ่าน 8,917 ครั้ง
8 วินัยใหม่ เพิ่มเงินเก็บทั้งปี
8 วินัยใหม่ เพิ่มเงินเก็บทั้งปี

เปิดอ่าน 30,032 ครั้ง
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน

เปิดอ่าน 11,126 ครั้ง
ตัดวงจรเครียด...ก่อนระเบิด
ตัดวงจรเครียด...ก่อนระเบิด

เปิดอ่าน 19,277 ครั้ง
แชร์ว่อนเน็ต "บ้านหนูบ่ได้บ้านนอกเด้อ" โดยสาวสวย รักและภาคภูมิใจบ้านเกิด
แชร์ว่อนเน็ต "บ้านหนูบ่ได้บ้านนอกเด้อ" โดยสาวสวย รักและภาคภูมิใจบ้านเกิด

เปิดอ่าน 15,785 ครั้ง
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.

เปิดอ่าน 29,042 ครั้ง
ใครที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ปวดเมื่อยแล้วนวดไม่หาย ต้องอ่านเรื่องนี้
ใครที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ปวดเมื่อยแล้วนวดไม่หาย ต้องอ่านเรื่องนี้

เปิดอ่าน 99,137 ครั้ง
มช.เจ๋งพบสารเซซมิน"งาดำ" รักษามะเร็งครั้งแรกของโลก
มช.เจ๋งพบสารเซซมิน"งาดำ" รักษามะเร็งครั้งแรกของโลก

เปิดอ่าน 14,740 ครั้ง
พจนานุกรมฟิสิกส์
พจนานุกรมฟิสิกส์

เปิดอ่าน 23,033 ครั้ง
ถอนผมหงอก...ดีไหม
ถอนผมหงอก...ดีไหม

เปิดอ่าน 11,256 ครั้ง
4 สาเหตุที่เด็กๆ เบื่อโรงเรียน
4 สาเหตุที่เด็กๆ เบื่อโรงเรียน

เปิดอ่าน 28,078 ครั้ง
"นพ.ยง" มีคำตอบ! เคยติด "โควิด-19" ติดซ้ำได้หรือไม่-ต้อง "ฉีดวัคซีน" อีกหรือไม่.?
"นพ.ยง" มีคำตอบ! เคยติด "โควิด-19" ติดซ้ำได้หรือไม่-ต้อง "ฉีดวัคซีน" อีกหรือไม่.?
เปิดอ่าน 14,485 ครั้ง
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร
เปิดอ่าน 19,651 ครั้ง
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน
เปิดอ่าน 18,585 ครั้ง
ผักที่ห้ามในเทศกาลกินเจ
ผักที่ห้ามในเทศกาลกินเจ
เปิดอ่าน 17,161 ครั้ง
น้ำเปล่า ช่วยให้คุณสวยได้ยังไง
น้ำเปล่า ช่วยให้คุณสวยได้ยังไง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ