ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบุญวัฒนา
โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ผู้ศึกษาวิจัย นางภัทราวรรณ ยอดทองเลิศ
ที่ปรึกษาการทำวิจัย นางวาสนา ฤทธิสิทธิ์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ
โรงเรียน บุญวัฒนา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบุญวัฒนา โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นการแก้ไขปัญหา / จัดประสบการณ์ตรงให้ผู้เรียน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่เน้นการจัดการศึกษาที่ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ทำการวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบุญวัฒนา โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยมีความมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบุญวัฒนา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวนนักเรียน 216 คน ซึ่งได้มาจากปัญหาที่พบในการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย (x̄ ), ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test)
สรุปผลการวิจัยพบว่า
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 7.25 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 16.28
2. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 4 ชุด ได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.56 / 81.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80 / 80
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ค่าเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 81.38 และค่าเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 36.28 แตกต่างกันโดยผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05