ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
โรงเรียนปราสาทหินนางรำ
ชื่อผู้วิจัย นางสมควร ศิลป์ประกอบ
หน่วยงาน โรงเรียนปราสาทหินนางรำ
ปีที่พิมพ์ 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ วิธีดำเนินการวิจัยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาองค์ความรู้พื้นฐานและแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรท้องถิ่น โดยสังเคราะห์เอกสารเพื่อกำหนดองค์ประกอบของหลักสูตร ประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น โดยการสอบถามผู้เกี่ยวข้องและสนทนากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน และทดสอบประสิทธิภาพเบื้องต้นของหลักสูตร ขั้นตอนที่ 4 การใช้รูปแบบ เป็นการนำรูปแบบไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูผู้สอนและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ ที่ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ทำการทดลองจำนวน 7 หน่วย เป็นเวลา 32 ชั่วโมง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อน-หลัง (One Group Pretest-Posttest Design) และแบบหนึ่งกลุ่มทดสอบหลังการทดลอง (One Group Posttest Only Design) ขั้นตอนที่ 5 การประเมินรูปแบบ เป็นการประเมินเพื่อรับรองรูปแบบ ประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบใช้หลักสูตรโดยประเมินความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้รู้ในท้องถิ่นและเผยแพร่รูปแบบสู่สาธารณะชน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 เป็นแบบกรอกข้อมูลจากเอกสาร สัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้รู้ในท้องถิ่นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีความสัมพันธ์กับประวัติความเป็นมาและบริบทชุมชนในด้านวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ภาษาและวรรณกรรม อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมาเพื่อนำมากำหนดเป็นขอบข่ายและสาระสำคัญของหลักสูตรท้องถิ่น ขั้นตอนที่ 2 เป็นแบบสังเคราะห์เอกสารเพื่อกำหนดองค์ประกอบของหลักสูตร แบบประเมินความเหมาะสม ขั้นตอนที่ 3 ทดสอบประสิทธิภาพเบื้องต้นของหลักสูตร ขั้นตอนที่ 4 เป็นแบบประเมินความรู้ ทักษะและเจตคติของครู แบบประเมินความรู้ของนักเรียน เอกสารประกอบการพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ ขั้นตอนที่ 5 เป็นแบบสอบถาม เครื่องมือทั้ง 5 ขั้นตอน ผ่านการหาค่า IOC ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น และทดลองหาประสิทธิภาพครั้งที่ 1-3 ผ่านการประเมินความเหมาะสมของผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา 2) กลุ่มครูผู้สอน 3) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และ 4) กลุ่มนักเรียน ได้มาทั้งการสุ่มแบบง่าย และการสุ่มแบบเจาะจง (purposive sampling) การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย(Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาองค์ความรู้พื้นฐานของหลักสูตรท้องถิ่น เรื่อง เพลงโคราช พบว่า จากการสังเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์เชิงลึกเครือข่ายนักวิจัยชุมชน 29 คน และสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน พบว่า มีความต้องการในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ
2. ผลการพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร พบว่า หลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ หลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตร หลักสูตรมีองค์ประกอบ ได้แก่ ความสำคัญและความจำเป็น หลักการ จุดมุ่งหมาย คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างหลักสูตรและสาระการเรียนรู้ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผล และสื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ และเอกสารประกอบหลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และคู่มือการใช้หลักสูตร แล้วนำหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสม พบว่า หลักสูตรมีความเหมาะสมในระดับมาก ( =4.37) และเอกสารประกอบหลักสูตรมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด( =4.60) และเมื่อนำหลักสูตรสถานศึกษา ไปทดลองนำร่องหลักสูตร พบว่า หลักสูตรมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง
3. ผลการพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ พบว่า มีองค์ประกอบของรูปแบบ คือ 1) กิจกรรมการฝึกอบรม 2) กิจกรรมการศึกษาดูงาน 2) กิจกรรมการประชุมจัดทำแผนบูรณาการ 4) การนิเทศติดตามผล
4. ผลการใช้รูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ
4.1 คะแนนแบบทดสอบหลังเข้าร่วมกิจกรรมตามองค์ประกอบของรูปแบบทั้ง 4 กิจกรรมของครูผู้สอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.21 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.05 แสดงว่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์เท่ากับ 81.05
4.2 เปรียบเทียบกิจกรรมการพัฒนาครูของครูผู้สอนด้วยรูปแบบการพัฒนาครูด้วยกิจกรรมหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.3. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. เพื่อประเมินรูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ
5.1 ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิในการรับรองรูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ ในภาพรวมพบว่าอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( =4.72)
5.2 ครูผู้สอน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบ อยู่ในระดับมาก
5.3 เพื่อเผยแพร่รูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ พบว่า มีการเผยแพร่ในรูปแบบเอกสารและแบบออนไลน์
ข้อค้นพบจากการวิจัย
จากการพัฒนารูปแบบการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนปราสาทหินนางรำ ด้านครูผู้สอน พบว่า ครูผู้สอนมีความรู้ มีการพัฒนาตนเองผ่านการฝึกอบรม การศึกษาดูงาน ผู้บริหารสถานศึกษาประชุมจัดทำแผนบูรณาการและมีการนิเทศติดตามผล ทำให้ครูจัดแผนการจัดการเรียนรู้ นำแผนสู่การปฏิบัติและจัดการเรียนรู้ตามที่กำหนดในหลักสูตรท้องถิ่น สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง เพลงโคราช ส่งผลให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจและมีความสามารถในการร้องเพลงโคราช มีความรักและภูมิใจ เห็นคุณค่าในภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้ปกครองนักเรียน ชุมชน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจ เห็นคุณค่าในภูมิปัญญาท้องถิ่น ครู ผู้ปกครองนักเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีความเห็นสอดคล้องกันว่าควรจะมีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นในเรื่องอื่นๆ ด้านอื่นๆ รวมถึงนำมาใช้ในการพัฒนานักเรียนในด้านอื่นๆ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับวัย สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียนอย่างแท้จริง