การวิจัยเรื่อง การจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 เป็นวิจัยเชิงนโยบาย (Policy Research) ออกแบบการวิจัยด้วยกระบวนการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ (Qualitative Research) ซึ่งผู้วิจัยได้ออกแบบการวิจัยตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาความรู้ ความตระหนักในด้านการจัดการขยะมูลฝอยอย่างถูกต้อง และสามารถนำความรู้ไปแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในโรงเรียนของตนเองได้โดยผ่านการมีส่วนร่วมระหว่างเครือข่ายการบริหารจัดการขยะมูลฝอยระหว่าง โรงเรียนบ้านหนองนนทรี โรงเรียนบ้านท่าไทร และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย 2. เพื่อสะท้อนผลการพัฒนาความรู้และความตระหนักในด้านการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนสาหรับนักเรียนโดยผ่านการมีส่วนร่วมระหว่างเครือข่ายการบริหารจัดการขยะมูลฝอยระหว่าง โรงเรียนบ้านหนองนนทรี โรงเรียนบ้านท่าไทร และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย
สรุปผลการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 ผู้วิจัยได้สรุปผลการวิจัยดังนี้
1. ผลการวิเคราะห์ระดับความรู้ความเข้าใจที่มีต่อการจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 ก่อนเข้าร่วมอบรมในภาพรวม อยู่ในระดับต่ำ ( =1.36) และหลังการอบรมในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง ( =2.52) โดยคะแนนหลังการอบรมค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นก่อนการอบรมทุกข้อ
2. ผลการวิเคราะห์ความตระหนักเกี่ยวกับจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 ก่อนเข้าร่วมอบรม อยู่ในระดับมาก ( =3.96) และหลังเข้าร่วมอบรมอยู่ในระดับมาก ( =4.32) โดยคะแนนหลังการอบรมทีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นก่อนการอบรมทุกข้อ
การอภิปรายผลการวิจัย
จากผลการวิจัยเรื่อง การจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 สามารถอภิปรายผล ได้ดังนี้
1. ผลการวิเคราะห์ระดับความรู้ความเข้าใจที่มีต่อการจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 ก่อนเข้าร่วมอบรมในภาพรวม อยู่ในระดับต่ำ ( =1.36) และหลังการอบรมในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง ( =2.52) โดยคะแนนหลังการอบรมทีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นก่อนการอบรมทุกข้อ ซึ่งสอดคล้องสอดคล้องกับแนวคิดของประภาพร มูลละออง (2552, 4-12) ที่สรุปได้ว่า การที่นักเรียนมีพฤติกรรมอยู่ในระดับพึงประสงค์มาก อาจเนื่องมาจากนักเรียนได้รับการอบรมให้ความรู้จากทั้งทางบ้านและโรงเรียน สอดคล้องกับโรงเรียนมีการสอดแทรกวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง 6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุ่มวิทยาศาสตร์ สาระที่ 2 วิชาชีวิตกับสิ่งแวดล้อม มีเนื้อหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมและการจัดการขยะมูลฝอย ส่งผลให้นักเรียนมีความรู้ มีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีในการจัดการขยะมูลฝอย อีกทั้งทางโรงเรียนบ้านนาดีสร้างบงมีการประชาสัมพันธ์ ออกกฎ ระเบียบ และเข้มงวด มีกิจกรรมหน้าเสาธงเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยของนักเรียนภายในโรงเรียน และมีธนาคารขยะรีไซเคิลภายในโรงเรียน และสอดคล้องกับผลการวิจัยของ วิมลชญาน์ สถิตสุนทรพันธ์ (2563,บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรื่อง รูปแบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในสถานศึกษา ผลการวิจัยพบว่าการวิเคราะห์องค์ประกอบของการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในสถานศึกษา ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ภาวะผู้นำ (2) องค์กรแห่งการเรียนรู้ (3) การจัดองค์กร (4) การบริหารจัดการทั้งระบบ (5) ปฏิบัติการเรียนรู้ (6) เครือข่ายความร่วมมือ (7) การพัฒนาแผนกลยุทธ์ (8) แผนพัฒนาการสู่คุณภาพ ผลการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในสถานศึกษา ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ส่วนนำ ส่วนที่ 2 ส่วนเนื้อหา ประกอบด้วยองค์ประกอบรูปแบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในสถานศึกษา ส่วนที่ 3 เงื่อนไขความสำเร็จ การประเมินรูปแบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในสถานศึกษา จำนวน 4 ด้าน (1) ด้านความถูกต้อง (2) ด้านความเหมาะสม (3) ด้านความเป็นไปได้ และ (4) ด้านความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมาก
จากการจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 จากการตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ พบว่ากลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนในโรงเรียนบ้านหนองนนทรี โรงเรียนบ้านท่าไทร และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย มีความรู้ จิตสำนึกและสร้างแรงจูงใจใน ด้านการจัดการขยะมูลฝอยอย่างถูกต้อง และสามารถนำความรู้ไปแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในโรงเรียนของตนเองได้ นักเรียนกลุ่มเป้าหมายให้มีการจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยในรูปแบบต่าง ๆ ในการแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการตามบริบทของแต่ละโรงเรียน โรงเรียนเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 มีเครือข่ายการบริหารจัดการขยะมูลฝอยระหว่าง โรงเรียนบ้านหนองนนทรี โรงเรียนบ้านท่าไทร และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย ชุมชนหมู่ที่ 2 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 8 ตำบลวังอ่าง หน่วยงานศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบระดับจังหวัดจังหวัดนครศรีธรรมราช และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (บ้านหน้าควนหรั่ง)
2. ผลการวิเคราะห์ความตระหนักเกี่ยวกับจัดการความรู้เรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 ก่อนเข้าร่วมอบรม อยู่ในระดับมาก ( =3.96) และหลังเข้าร่วมอบรมอยู่ในระดับมาก ( =4.32) โดยคะแนนหลังการอบรมทีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นก่อนการอบรมทุกข้อ การพัฒนาศักยภาพของนักเรียนเพื่อให้เกิดความรู้และความตระหนักในการจัดการขยะ ผ่านเครือข่ายการมีส่วนร่วมและการจัดกิจกรรม เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกระบวนการทางสิ่งแวดล้อมศึกษา ดังที่ ภาสินี เปี่ยมพงศ์สานต์ (2548) กล่าวว่า สิ่งแวดล้อมศึกษาเป็นกระบวนการทางการศึกษาเพื่อให้เข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อมและสานึกในคุณค่าของธรรมชาติ สร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และดำเนินชีวิตอย่างเกื้อกูลกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิดของ อโนมา พิชัยศิริ (2544) ระบุว่า สิ่งแวดล้อมศึกษาเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดคุณลักษณะสำคัญ 5 ประการประกอบด้วย 1) ความรู้ (Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถสร้างเป็นแนวคิดในการแก้ปัญหาได้ 2) ทัศนคติ (Attitude) ที่ถูกต้อง เมื่อมีความรู้อย่างดีแล้วจะทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องต่อปัญหา ปราศจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน 3) ความตระหนัก (Awareness) เห็นถึงความสำคัญของปัญหานั้นว่า
จาเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพียงไร 4) ทักษะ (Skill) คือ ความรู้เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่สามารถนาไปปฏิบัติได้อย่างชำนาญและถูกต้อง 5) การมีส่วนร่วม (Participation) คือการลงมือปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้
การจัดกิจกรรมพัฒนาความรู้และความตระหนักในการจัดการขยะสาหรับนักเรียนร่วมกับครูมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ก็จะได้รับการพัฒนาศักยภาพ ได้รับความรู้ ทักษะ เจตคติและเกิดความตระหนักเกี่ยวกับการจัดการขยะเพิ่มมากขึ้นดังผลการวิจัยพบว่านักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพในด้านการเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม หลังจากอบรมส่งผลให้นักเรียนมีความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับการจัดการขยะสูงกว่าก่อนเข้าร่วมอบรม และเมื่อพิจารณาความตระหนักของนักเรียนในการจัดการขยะรายข้อ พบว่า ประเด็นที่อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ฉันกังวลว่าปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นและไม่ได้รับการจัดการที่ดีจะส่งผลให้เกิดความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นว่า นักเรียนให้ความสำคัญกับการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม และรับรู้ว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะหากจัดการขยะไม่ถูกวิธีหรือไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่นักเรียนและภาคส่วนต่าง ๆ จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการจัดการแก้ปัญหาในโอกาสต่อไป
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะต่อการนำไปใช้ประโยชน์
1. ควรส่งเสริมและให้ความรู้ในการจัดการขยะมูลฝอย โดยเฉพาะเรื่อง การลดและการใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอย การรณรงค์ในการจัดการขยะมูลฝอย การกำจัดขยะมูลฝอยที่ถูกวิธี ซึ่งหากนักเรียนได้รับความรู้ที่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ดีด้วย
2. ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่ดี โดยส่งเสริมในระดับสังคมควบคู่กันไป ได้แก่ ระดับครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษา ดังนี้
2.1 ระดับสถานศึกษา ส่งเสริมการจัดการขยะมูลฝอยที่ดีและเหมาะสม โรงเรียนเป็นสถานที่ที่จะก่อให้เกิดความประทับใจเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะก่อให้เกิดประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่นักเรียน ดังนั้นนโยบายในการจัดการขยะมูลฝอยของโรงเรียน ทั้งนโยบายและการรณรงค์ให้นักเรียนเก็บขยะก่อนเคารพธงชาติทุกวัน โดยแบ่งบริเวณภายในโรงเรียนให้นักเรียนแต่ละระดับชั้นรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างต่อเนื่องเพราะก่อให้เกิดการปฏิบัติจริง และประสบการณ์ที่ถูกต้องต่อนักเรียน และควรมีการให้รางวัล การชมเชย หรือการลงโทษ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความประทับใจและกำหนดให้เกิดพฤติกรรมในการจัดการขยะมูลฝอยของนักเรียนต่อไป
2.2 ระดับครอบครัว ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและมีพฤติกรรมในการรักษาสิ่งแวดล้อม และการจัดการขยะมูลฝอย ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลานปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีในการจัดการขยะมูลฝอยให้กับคนในครอบครัวอย่างถูกต้องและเหมาะสม
2.3 ระดับชุมชน ควรส่งเสริมให้มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีหลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชน ซึ่งมีกิจกรรมการอบรมให้ความรู้และส่งเสริมชาวบ้านในชุมชนในการจัดการขยะ คัดแยกขยะ นำขยะมาใช้ประโยชน์ใหม่ ผู้นำชุมชน บุคคลแวดล้อม องค์กรต่างๆ ได้เห็นถึงความสำคัญอยู่แล้วและควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป
3. ควรจัดกิจกรรมการรณรงค์เรื่องธนาคารขยะให้มากยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้ความรู้เรื่องการลดปริมาณขยะมูลฝอยแก่นักเรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การใช้น้อย การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ การรู้จักคัดแยกขยะมูลฝอยแต่ละประเภทก่อนทิ้ง รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยที่ถูกวิธีอีกด้วย
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการศึกษากลุ่มตัวอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น โรงเรียนในเครือข่ายอื่น ๆ ในอำเภอชะอวด หรืออำเภอใกล้เคียง เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมต่อไป
2. เพื่อให้การอภิปรายผลได้ชัดเจนละเอียดมากขึ้น ผู้วิจัยมีความเห็นว่าควรวิจัยเชิงคุณภาพควบคู่กับการวิจัยเชิงปริมาณ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก เพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดของพฤติกรรมในการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมของนักเรียนในโรงเรียนมากขึ้น
3. การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมระหว่างเครือข่ายภาคีเครือข่ายสถานศึกษาชะอวด 4 นอกจากก่อให้เกิดความรู้และความตระหนักกับนักเรียนในโรงเรียนแล้ว ยังเป็นการเป็นพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ตามกระบวนการทางสิ่งแวดล้อมศึกษาและมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ดังนั้นข้อเสนอแนะสำหรับการทาวิจัยครั้งต่อไป จึงควรขยายผลการพัฒนาความรู้และความตระหนักในการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้กับโรงเรียนอื่น ๆ ควรมีการพัฒนาความตระหนักทางด้านสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง และควรนำไปขยายผลกับโรงเรียนและชุมชนทั้งนี้การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมต้องได้รับการร่วมมือจากหลายภาคส่วนของสังคม จึงควรทำการวิจัยนี้ต่อโดยเพิ่มผู้มีส่วนร่วมจากภาคีเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน