บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วัตถุประสงค์การวิจัย ได้แก่ 1)เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ระหว่างก่อนและหลังเรียน 3)เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R สำหรับผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนเหล่างามพิทยาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 29 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เลือกเอาผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทั้งหมด จำนวน 2 ห้องเรียน แล้วทำการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1)แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.48 2)ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 9 ชุด ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.50 3)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ ค่า IOC เท่ากับ 0.80 กำหนดเอาค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความ ยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8237 4)แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน จำนวน 20 ข้อ กำหนดเอาค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8852 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการทดสอบก่อนเรียน Pre-test) ทดสอบย่อยก่อนและหลังเรียน ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (Post-test) ใช้แบบสอบถามสอบถามผู้เรียนศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติของแบรนแนน (Brennan)หาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติตามวิธีของโลเวท (Lovett) หาความเชื่อมั่นทั้งฉบับของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติ E1/E2 หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้ t-test ทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้ E.I. วิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้สถิติ Itemtotal Correlation สูตรสหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson หาค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามความพึงพอใจ และใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) หาค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับของแบบสอบถามความพึงพอใจ และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (X-bar) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย พบว่า
1. โดยรวมประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 78.97 คิดเป็นร้อยละ 87.74 เมื่อพิจารณาเป็นรายแผน พบว่า แผนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้แก่แผนที่ 8 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.93 คิดเป็นร้อยละ 89.31 รองลงมาได้แก่แผนที่ 9 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.86 คิดเป็นร้อยละ 88.62 ส่วนแผนที่มีค่าประสิทธิภาพต่ำสุดได้แก่แผนที่ 7 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.62 คิดเป็นร้อยละ 86.21
2. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 88.47/86.03 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนและหลังเรียนของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R พบว่า คะแนนทดสอบ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้
4. ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 0.7604 แสดงว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านเชิงวิเคราะห์ ชุดนี้ ทำให้ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 76.04 สูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้
5. โดยรวมผู้เรียนชายและผู้เรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนกรสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านเชิงวิเคราะห์ อยู่ในระดับมาก (X-bar=4.18) และ (X-bar=4.31) ตามลำดับ โดยผู้เรียนหญิงมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงกว่าผู้เรียนชาย