ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model)

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model)

ผู้ประเมิน นางสาวกัลยา พลมั่น

ปีที่ประเมิน ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

1) ศึกษากระบวนการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) 3) สังเคราะห์รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) 4) สำรวจความพึงพอใจของครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบ

การบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model)

ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถจากโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 จำนวน 16 คน และครู คณะกรรมการสถานศึกษานักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 77 คน ประชากรและกลุ่มตัวอย่างได้จากการเลือก

แบบเจาะจง (Purposive sampling) เป็นการเลือกโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผู้วิจัยเอง ลักษณะของประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย เครื่องมือที่ใช้

ในการวิจัย 1) แบบบันทึกรายการเชิงสังเคราะห์ 2) แบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ

3) แบบสอบถาม การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) โดยกระบวนการเทคนิคเดลฟาย 3 รอบ 4) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) หาคุณภาพของเครื่องมือการวิจัยและตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา โดยการหาค่าความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ (IOC : Index of item objective congruence) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ 1) ค่าร้อยละ 2) ค่ามัธยฐาน (Md) 3) ค่าพิสัยควอไทล์ (IQR) 4) ค่าเฉลี่ย (X-bar)

และ 5) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการศึกษากระบวนการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้

ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า ประกอบด้วย 5 ขั้น คือ 1) การเตรียมความพร้อมในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนในสถานศึกษา 2) การจัดระบบการเรียนรู้ 3) การจัดกิจกรรมโรงเรียนและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) การดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และ 5) การสร้างเครือข่าย

2. ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) พบว่า กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นว่ารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) มีความเหมาะสมและสอดคล้องกัน ซึ่งประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่

1) ด้านสร้างความตระหนัก (Necessity : N) 2) ด้านสร้างเสริมความรู้และความสามารถ (Arrangement : A) 3) ด้านร่วมกำหนดความรับผิดชอบ (Host Collaboration : H)

4) ด้านสังเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศ (Organize : O) 5) ด้านปฏิบัติการตามขั้นตอนการประเมิน (New Management : N) 6) ด้านติดตาม ตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพ (Guarantee : G)

3. ผลการสังเคราะห์รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นว่ารูปแบบ

การบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก

4. ผลการสำรวจความพึงพอใจของครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา

และผู้ปกครองนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) พบว่า ครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (NAHONG Model) อยู่ในระดับมาก

Title Developing Sufficiency School Management into Learning Center Based on the Sufficiency Economy Philosophy (NAHONG Model)

Assessor Ms. Kanlaya Phonman

Year 2021 Academic Year

Abstract

This research and development aims to 1) study the system for developing sufficiency school into the leaning center based on the sufficiency economy philosophy, 2) develop the model of sufficiency school management into the learning center based on the sufficiency economy philosophy (NAHONG Model), 3) synthesize NAHONG Model, and 4) examine the satisfaction of teachers, students, school committee, and guardians with NAHONG Model.

Population and sample in this study consisted of 16 educational experts from leaning center based on the sufficiency economy philosophy under the Udon Thani Primary Education Service Area Office 3, and also 77 peoples comprising teachers, students, school committee, and guardians. Purposive sampling was employed to select the population and sample according to researcher’ s consideration but under the research objectives. Research instruments were composed of 1) synthetic data recoding from, 2) interview form for asking the experts, 3) questionnaire on developing NAHONG Model utilizing three-round Delphi technique, 4) assessment form on suitability of NAHONG Model management, and 5) questionnaire on satisfaction of teachers, students, school committee, and guardians with NAHONG Model. The quality of these instruments was then checked for their content validity using Index of Item Objective Congruence (IOC). Statistics used for data analysis were 1) percentage, 2) median (Md), 3) interquartile range (IQR), 4) mean (X-bar), and 5) standard deviation (SD).

The findings revealed that :

1. The system for developing sufficiency school into the leaning center based on the sufficiency economy philosophy had five steps : 1) preparation for implementing the sufficiency economy philosophy to drive the school,

2) learning system management, 3) management of school activities and student development activities, 4) change management, and 5) networking.

2. According to the experts’ opinion, NAHONG Model development was suitable and consistent in six aspects : 1) necessity (N), 2) arrangement (A),

3) host collaboration (H), 4) organization (O), 5) new management (N),

and 6) guarantee (G).

3. In terms of NAHONG Model synthesis based on the experts’ opinion, the model had its suitability at high level.

4. Teachers, students, school committee, and guardians were satisfied with NAHONG Model at high level.

โพสต์โดย กัลยา : [13 พ.ย. 2564 เวลา 07:54 น.]
อ่าน [4004] ไอพี : 223.207.100.227
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 4,550 ครั้ง
พกมือถือในกระเป๋ากางเกง หันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกดี?
พกมือถือในกระเป๋ากางเกง หันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกดี?

เปิดอ่าน 20,877 ครั้ง
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"

เปิดอ่าน 15,772 ครั้ง
มอบอำนาจเกี่ยวกับการลาบางกรณีให้ ผอ.สพท.,ผอ.สำนักบริหารงานงานการศึกษาพิเศษ
มอบอำนาจเกี่ยวกับการลาบางกรณีให้ ผอ.สพท.,ผอ.สำนักบริหารงานงานการศึกษาพิเศษ

เปิดอ่าน 36,634 ครั้ง
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด

เปิดอ่าน 28,584 ครั้ง
พุทธธรรมสำหรับการพัฒนาชีวิตครู
พุทธธรรมสำหรับการพัฒนาชีวิตครู

เปิดอ่าน 15,283 ครั้ง
ชาวเน็ตแห่เล่น "หิมะ" ตกในเมืองไทย
ชาวเน็ตแห่เล่น "หิมะ" ตกในเมืองไทย

เปิดอ่าน 9,694 ครั้ง
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน

เปิดอ่าน 3,895 ครั้ง
สลากออนไลน์ ขึ้นเงินอย่างไร
สลากออนไลน์ ขึ้นเงินอย่างไร

เปิดอ่าน 11,329 ครั้ง
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ

เปิดอ่าน 204,924 ครั้ง
บทบาทของครู
บทบาทของครู

เปิดอ่าน 13,075 ครั้ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 12,842 ครั้ง
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...

เปิดอ่าน 9,188 ครั้ง
พัฒนาไปไกล! อังกฤษตั้งทีมวิจัยศึกษา 5G แล้ว
พัฒนาไปไกล! อังกฤษตั้งทีมวิจัยศึกษา 5G แล้ว

เปิดอ่าน 17,965 ครั้ง
สุดยอดภาพสัตว์ Photography จากการประกวด ภาพภ่ายสัตว์ป่า ปี2012
สุดยอดภาพสัตว์ Photography จากการประกวด ภาพภ่ายสัตว์ป่า ปี2012

เปิดอ่าน 6,860 ครั้ง
โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด
โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด

เปิดอ่าน 10,997 ครั้ง
วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า
วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า
เปิดอ่าน 13,103 ครั้ง
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก
เปิดอ่าน 33,030 ครั้ง
ตำนานเมืองสุรินทร์
ตำนานเมืองสุรินทร์
เปิดอ่าน 8,027 ครั้ง
เชิญเข้าร่วมกิจกรรมอบรม "สิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตฯ..."
เชิญเข้าร่วมกิจกรรมอบรม "สิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตฯ..."
เปิดอ่าน 10,651 ครั้ง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ