ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่อเรื่องวิจัย : การพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL”

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่องวิจัย : การพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA

MODEL”

ชื่อผู้วิจัย : นายสมใจ ชูแก้ว

ปีการศึกษา : 2562-2563

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” ปีการศึกษา 2562-2563 2) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” ปีการศึกษา 2562-2563 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชน ที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL”

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) นักเรียนกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน เนื่องจากนักเรียนกลุ่มดังกล่าวมีความสามารถในการอ่านสื่อความจากข้อคำถาม ได้ดีกว่านักเรียนชั้นอื่นๆ ซึ่งได้กลุ่มตัวอย่างปีการศึกษา 2562 จำนวน 118 คน ปีการศึกษา 2563 จำนวน 129 คน 2) ครูศึกษาจากประชากรครู ปีการศึกษา 2562 จำนวน 21 คน ปีการศึกษา 2563 จำนวน 20 คน 3) ผู้ปกครองกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง(Purposive Sampling) โดยใช้ผู้ปกครองที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างปีการศึกษา 2562 จำนวน 118 คน ปีการศึกษา 2563 จำนวน 129 คน 4) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยยกเว้นผู้บริหารสถานศึกษา และผู้แทนครู ได้กลุ่มตัวอย่างปีการศึกษา 2562 และ ปีการศึกษา 2563 จำนวน 13 คน 5) เครือข่ายชุมชนกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยกำหนดผู้แทนจาก 5 เครือข่าย เครือข่ายละ 3 คนได้กลุ่มตัวอย่างปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 จำนวน 15 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมทั้งสิ้น 3 ฉบับ มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทุกฉบับ ได้ค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.83-0.98 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS for Windows V.18

ผลการวิจัย

1. ผลการวิเคราะห์คุณภาพการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพปานกลาง-มาก ปีการศึกษา 2563 หลังการพัฒนาโดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพมาก-มากที่สุด

2. ผลการวิเคราะห์การมีส่วนร่วมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” ปีการศึกษา 2562-2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพปานกลาง-มาก ปีการศึกษา 2563 หลังการพัฒนาโดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพมากที่สุด

3. ผลการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL”

ปีการศึกษา 2562 พบว่า การพัฒนาศักยภาพนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนดทั้ง 5 ด้าน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ทักษะด้านทัศนศิลป์ และศิลปะการแสดง มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด (ร้อยละ 33.08) รองลงมา ได้แก่ ทักษะด้านภาษา (ร้อยละ 31.95) ส่วนทักษะด้านกีฬามีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด (ร้อยละ 13.16)

ปีการศึกษา 2563 พบว่า การพัฒนาศักยภาพนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนดทั้ง 5 ด้าน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ทักษะด้านทัศนศิลป์ และศิลปะการแสดง มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด (ร้อยละ 55.79) รองลงมา ได้แก่ ทักษะด้านภาษา (ร้อยละ 38.95) ส่วนทักษะด้านกีฬามีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด (ร้อยละ 17.54)

4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชนที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพนักเรียนโรงเรียนบ้านลำภูรา โดยใช้กลยุทธ์ “LUMPHURA MODEL” ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพปานกลาง-มาก ปีการศึกษา 2563 หลังการพัฒนาโดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพมากที่สุด

ข้อเสนอแนะ

1. ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปใช้

1.1 สถานศึกษาควรชี้แจงและทำความเข้าใจเพื่อสร้างความตระหนักให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพ

1.2 หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการตรวจสอบพฤติกรรม/ความสามารถอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพื่อดูแนวโน้มความยั่งยืนหรือความคงทนถาวรของการพัฒนาศักยภาพนักเรียน

2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

2.1 ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพนักเรียน

2.2 ควรศึกษา/พัฒนารูปแบบหรือกลยุทธ์การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพในลักษณะอื่นๆ

โพสต์โดย สมใจ ชูแก้ว : [3 พ.ย. 2564 เวลา 06:49 น.]
อ่าน [3941] ไอพี : 223.205.106.44
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 31,501 ครั้ง
ทำไมบริษัทห้างร้านบางแห่งจึงมีรูปครุฑอยู่ที่หน้าอาคาร
ทำไมบริษัทห้างร้านบางแห่งจึงมีรูปครุฑอยู่ที่หน้าอาคาร

เปิดอ่าน 12,626 ครั้ง
รู้ไว้ไม่เสียหาย! ตัวเลข "เฮง-ชง" ประจำปีวอก
รู้ไว้ไม่เสียหาย! ตัวเลข "เฮง-ชง" ประจำปีวอก

เปิดอ่าน 62,187 ครั้ง
พระพุทธรูปในศิลปะไทยสมัยต่าง ๆ
พระพุทธรูปในศิลปะไทยสมัยต่าง ๆ

เปิดอ่าน 10,638 ครั้ง
พบตะกั่วในลิปสติก มีปริมาณน้อยมากต่ำกว่า ระดับเป็นอันตราย
พบตะกั่วในลิปสติก มีปริมาณน้อยมากต่ำกว่า ระดับเป็นอันตราย

เปิดอ่าน 13,267 ครั้ง
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข

เปิดอ่าน 20,271 ครั้ง
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (กัมพูชา)
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (กัมพูชา)

เปิดอ่าน 15,657 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2553
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2553

เปิดอ่าน 20,119 ครั้ง
ประโยชน์ต้นอ่อนทานตะวัน
ประโยชน์ต้นอ่อนทานตะวัน

เปิดอ่าน 19,250 ครั้ง
กินหวานอย่างไรไม่อันตราย
กินหวานอย่างไรไม่อันตราย

เปิดอ่าน 7,973 ครั้ง
เชื้อไวรัสโรคหวัดมีอยู่ทั่วไปแค่เอื้อม ให้หมั่นล้าง มือกันไม่ให้เป็นสะพาน
เชื้อไวรัสโรคหวัดมีอยู่ทั่วไปแค่เอื้อม ให้หมั่นล้าง มือกันไม่ให้เป็นสะพาน

เปิดอ่าน 201,587 ครั้ง
ธรรมคุณ 6
ธรรมคุณ 6

เปิดอ่าน 16,550 ครั้ง
SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?
SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?

เปิดอ่าน 27,374 ครั้ง
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 6
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 6

เปิดอ่าน 40,489 ครั้ง
ของพรีเมี่ยมคืออะไร ?
ของพรีเมี่ยมคืออะไร ?

เปิดอ่าน 10,698 ครั้ง
ความลับ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก
ความลับ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 14,174 ครั้ง
"สงสัยไม่ช๊อต" วลีเด็ดลุงใจดี วลีฮิตข้ามคืน "เเก่ ใจดี สปอร์ต กทม."
"สงสัยไม่ช๊อต" วลีเด็ดลุงใจดี วลีฮิตข้ามคืน "เเก่ ใจดี สปอร์ต กทม."
เปิดอ่าน 11,213 ครั้ง
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก
เปิดอ่าน 31,347 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง รายการ บ่ายนี้มีคำตอบ : ปฏิรูประบบบริหารการศึกษาใหม่หมด เด็กได้อะไร ?
รับชมย้อนหลัง รายการ บ่ายนี้มีคำตอบ : ปฏิรูประบบบริหารการศึกษาใหม่หมด เด็กได้อะไร ?
เปิดอ่าน 11,331 ครั้ง
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุด "หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี" ของสำนักงาน ก.พ.ร.
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุด "หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี" ของสำนักงาน ก.พ.ร.
เปิดอ่าน 21,403 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "ผักหวานบ้าน"
สรรพคุณทางยาของ "ผักหวานบ้าน"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ