บทคัดย่อ
ชื่อผลงาน : รายงานผลการใช้เอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนบ้าน
ตาแกะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1
ชื่อผู้ศึกษา : นางสาวมาเรีย สะมาโระ
โรงเรียน : ชุมชนบ้านตาแกะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1
กลุ่มสาระ : กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา)
ปีการศึกษา : 2563
ในการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาประสิทธิภาพ ของเอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (E1/E2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 22 คน โรงเรียนชุมชนบ้านตาแกะ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยสร้างเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 แผน เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
(วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีค่า E1/E2 81.59/80.80 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
2. ผลของการศึกษาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนพบว่าคะแนนหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการสอนมีคะแนนเฉลี่ย 40.41 (S.D.=3.22) คิดเป็นร้อยละ 80.82 และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แสดงว่านักเรียนมีพัฒนาการและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงขึ้นจริง
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน โดยภาพรวมความพึงพอใจของนักเรียนที่มี
ต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต อยู่ในระดับพอใจมาก สุดโดยมีค่าเฉลี่ย 4.55 นั้นแสดงว่า เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาสุขศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ และผู้เรียนยังมีความพึงพอใจมากที่ได้เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น