ฤชื่อผลงาน รายงานการประเมินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่าง มีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563
ผู้รายงาน นางสาวกชกร มีเพียร
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสิทธิโชค
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563
บทสรุป
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 โดยใช้รูปแบบการประเมิน ของสตัสเฟิลบีม (Stufflebeam s CIPP Model) เป็นกรอบแนวคิดในการประเมิน 4 ด้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ศึกษา ประกอบด้วย กลุ่มตัวอย่างและประชากร ดังนี้ 1)กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 ทุกคน จำนวน 31 คน 2)ประชากรครู จำนวน 5 คน 3)กลุ่มตัวอย่างผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 จำนวน 31 คน และ4)กลุ่มตัวอย่างคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรวมทั้งสิ้น 8 ฉบับ มีลักษณะเป็น มาตราส่วนประมาณค่า(Ratting Scale) 5 ระดับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ได้ค่าความเชื่อมั่นระหว่าง .89 - .90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย(Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation)
ผลการประเมินพบว่า
ผลการประเมินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 สรุปผลได้ดังนี้
1. ผลการประเมินมาตรฐาน ผลการประเมินด้านบริบท หรือสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวมมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมาก ( = 3.89, S.D. = 0.18) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
เมื่อพิจารณาแต่ละตัวชี้วัดพบว่า ตัวชี้วัดความสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมาก ( = 4.09, S.D. = 0.56) รองลงมาคือ ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ ( = 4.07, S.D. = 0.28) ส่วนตัวชี้วัดความเป็นไปได้ของโครงการ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.89, S.D. = 0.18) อยู่ในระดับมากเช่นกัน
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยรวมมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมาก ( = 4.22,  = 0.17) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
เมื่อพิจารณาแต่ละตัวชี้วัดพบว่า ตัวชี้วัดความพร้อมของบุคลากร มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 4.28,  = 0.44) รองลงมาคือ ความพอเพียงของงบประมาณ ( = 4.26, = 0.37) ส่วนตัวชี้วัดด้านความเหมาะสมของการบริหารจัดการ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.16,  = 0.47) อยู่ในระดับมากเช่นกัน
3 ผลประเมินด้านกระบวนการ (Process) ของโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่ง การเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมาก ( = 4.44, S.D. = 0.09) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมาก ( = 4.50,  = 0.13) รองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( = 4.43, S.D. = 0.17) ส่วนกลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.40, S.D. = 0.25) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน
 
4. ด้านผลผลิตของโครงการ จำแนกเป็น
4.1 ระดับคุณภาพการดำเนินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่าง มีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.75, S.D. =0.04) ผ่านเกณฑ์ การประเมินทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่ากลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.70, S.D. =0.04) รองลงมาคือ กลุ่ม ครู อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.69, = 0.07) ส่วนกลุ่มนักเรียนและผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67,S.D. = 0.0.06,0.05)
4.2 ผลการประเมินคุณภาพโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 จำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมาก ( = 4.50, S.D. =0.17) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่ากลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D. =0.18) รองลงมาคือ ผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52,S.D. = 0.59) ส่วนกลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในระดับมาก (= 4.47 , = 0.17) ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.3 ผลการประเมินพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. =0.15) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่ากลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 4.65, S.D. =0.17) รองลงมาคือ นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.63,S.D. = 0.15)
4.4 ผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างมีความสุขของนักเรียน จำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64,S.D. = 0.15) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่ากลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65, S.D. =0.17) รองลงมาคือ นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.63,S.D. = 0.15)
4.5 สรุปผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนิน โครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค ปีการศึกษา 2563 จำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ประเมินพบว่ากลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 4.48, S.D. =0.12) รองลงมาคือ กลุ่มนักเรียน และครู อยู่ในระดับมาก ( ,= 4.43,S.D.,  = 0.12,0.10) ส่วนกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในระดับมาก เช่นกัน ( = 4.42,S.D. = 0.11)
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอเพื่อนำผลการประเมินไปใช้
1.1 โรงเรียนควรจัดโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพของผู้เรียน
1.2 ควรยกย่อง เชิดชูเกียรติและเผยแพร่ผลงานที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) โรงเรียนวัดสิทธิโชค แก่บุคลากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อก่อให้เกิดพลังในการทำงานเพิ่มขึ้น
2. ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินและวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรศึกษารูปแบบหรือแนวทางในการประเมินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Workplace) ในรูปแบบวิธีการอื่นที่นอกเหนือจากรูปแบบ ซิปป์ หรือ (CIPP Model)
2.2 ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยที่มีส่งผลต่อพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่าง มีความสุข (Happy Workplace) เพื่อใช้เป็นสารสนเทศในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
2.3 ควรมีการศึกษาการประเมินโครงการพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่าง มีความสุข (Happy Workplace) ในเชิงคุณภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป