ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจ โดยใช้แบบฝึกทักษะที่มีเนื้อหาที่เหมาะสม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามเกี่ยวกับการอ่านเพื่อความเข้าใจ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน และแบบทดสอบ โดยแบบฝึกเสริมทักษะ ผลการวิจัยพบว่า

1) ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 ได้ค่า ประสิทธิภาพ 83.40/92.50

2) ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังจากการใช้แบบฝึกเสริมทักษะอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่าความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษก่อนการใช้แบบฝึกเสริมทักษะอ่านภาษาอังกฤษ ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ .05

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้โลกมีวัฒนาการและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารอย่างไร้พรมแดน ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งต่างก็หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย สังคมไทย และคนไทย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ จึงจำเป็นที่การจัดการศึกษาของประเทศต้องเร่งพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาคนในประเทศ ให้มีศักยภาพเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งหมายและหลักการของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไป เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สติปัญญา ความรู้ มีคุณธรรมและจริยธรรม สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่สำคัญในการติดต่อสื่อสาร ทักษะที่สำคัญในการแสวงหาความรู้ คือทักษะการอ่าน การอ่านเป็นทักษะที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบัน ผู้ที่อ่านมากย่อมมีความรู้มาก ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ การอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญยิ่งสำหรับการแสวงหาความรู้ เพราะการอ่านจะช่วยสร้างเสริมความรู้ความคิดของคนให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น การอ่านมีบทบาทสำคัญในการเรียนทุกระดับ ในบรรดาทักษะภาษาอังกฤษอันประกอบด้วยทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนนั้น ทักษะที่จำเป็นมากที่สุดคือ ทักษะการอ่าน ซึ่งต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การอ่านฉลากยา การอ่านป้ายโฆษณา ตลอดจนวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากต่างประเทศ ตลอดจนความจำเป็นในการอ่านคำศัพท์อ่านบทความหรือเรื่องสั้นภาษาอังกฤษของนักเรียน ดังนั้นทักษะการอ่านจึงเป็นทักษะที่นักเรียนต้องการและควรได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง

ในการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษให้ความสำคัญในเรื่องทักษะการอ่าน ซึ่งผู้วิจัยพบปัญหาว่ามีนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวนหนึ่งมีปัญหาด้านการอ่าน เนื่องจากนักเรียนอ่านไม่ออก สะกดคำไม่ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยมีความสนใจในการนำเอกสารในวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน 2 (อ31203) มาพัฒนาทักษะการอ่านของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพในการอ่านสูงขึ้น และรู้คุณค่าของการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาต่อในขั้นและสูงขึ้นและเพื่อประกอบอาชีพต่อไป

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

การวิจัยในครั้งนี้ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ ดังนี้

1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ที่มีเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้ได้ตามเกณฑ์ 75/75 (ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ 2520: 136)

2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

ปัญหาการวิจัย

1. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่

2. ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ หลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ที่มีเหมาะสมกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

สูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกหรือไม่

สมมติฐานการวิจัย

1. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 75/75 (ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ 2520: 136)

2. ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ หลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สูงกว่าความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษก่อนการฝึกโดยใช้ แบบฝึกเสริมทักษะที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

ขอบเขตของการวิจัย

ขอบเขตของการดำเนินการศึกษามีดังต่อไปนี้

1. ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชากร

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ จำนวน 331 คน

กลุ่มตัวอย่าง

กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ จำนวน 20 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง

2. ด้านตัวแปร

ตัวแปรต้น คือ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ

ตัวแปรตาม คือ ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4

ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ

3. ระยะเวลาในการวิจัย

การวิจัยใช้ระยะเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 คาบเรียน

วิธีดำเนินการวิจัย

1. การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง

ประชากร

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ จำนวน 331 คน

กลุ่มตัวอย่าง

กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ๒ จำนวน 20 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง

2. แบบแผนการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) ซึ่งผู้วิจัยดำเนินการทดลอง

ตามแบบแผนการทดลองกลุ่มเดียวสอบก่อนและหลัง (One Group Pretest Posttest Design)

ตารางที่ 1 แบบแผนการวิจัยเชิงทดลองที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้

กลุ่มตัวอย่าง สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง

P1 X P2 R

สัญลักษณ์ที่ใช้ในการแบบแผนการทดลอง

P1 แทน กลุ่มการทดลอง

X แทน การทดสอบก่อนเรียน

P2 แทน การจัดกระทำ

R แทน การทดสอบหลังเรียน

3. การสร้างและหาประสิทธิภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

ผู้วิจัยดำเนินการสร้างเครื่องมือในการวิจัย

1. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการ ความสนใจและความเหมาะสมของหัวข้อ ที่นำมาจัดทำเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ

2. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ

3. แบบทดสอบวัดความสามารถการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 1 ฉบับเพื่อใช้ทดสอบก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ

การสร้างและพัฒนาเครื่องมือ

ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยดังต่อไปนี้

1. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการ ความสนใจและความเหมาะสม เกี่ยวกับชื่อเรื่องที่นำมาจัดทำเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งแบ่งแบบสอบถาม ออกเป็น 2 ตอน คือ

ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม

ตอนที่ 2 คือแบบสอบถามความต้องการ ความสนใจและความเหมาะสมของหัวเรื่องที่นำมาจัดทำเป็นสื่อ ประกอบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ขั้นตอนการสร้างแบบสอบถามมีดังนี้

1.1 เลือกเนื้อหา โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละเรื่อง

1.2 ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถาม เพื่อใช้สร้างแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการ ความสนใจและความเหมาะสมของหัวข้อที่นำมาจัดทำเป็นเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน ภาษาอังกฤษ จากนั้นนำแบบสอบถามไปให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อคัดเลือกเนื้อหา จากนั้นนำไปสรุปผลหาค่าร้อยละ ปรากฏผลการ วิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียน

2. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 5 บท

2.1 นำเนื้อหาทั้ง 5 เรื่องไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดัชนีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ การเรียนรู้และกิจกรรมในแบบฝึก (IOC) (สุโขทัยธรรมาธิราช 2535: 456) โดยพิจารณาเนื้อหาที่มีค่าดัชนี ความสอดคล้องมากกว่า หรือเท่ากับ 0.50 และปรับปรุงข้อที่มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ต่ำกว่า 0.50 ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

2.2 ศึกษาหนังสือเรียน ตำรา และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการอ่าน และจากหนังสือการ พัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรท้องถิ่นสู่การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (อุทุมพร จามร มาน : 2547) ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรได้เน้นให้ครูผู้สอนจัดการเรียนการสอน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่ง รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งการเรียนรู้อื่นๆ ในท้องถิ่นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามที่สถานศึกษา หรือชุมชนต้องการให้ผู้เรียนได้เกิดคุณลักษณะดังกล่าว

2.3 วิเคราะห์หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ระดับช่วงชั้น ที่ 3 (มัธยมศึกษาตอนปลาย) ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เกี่ยวกับมาตรฐานการ เรียนรู้ช่วงชั้น ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และคำอธิบายรายวิชาจากสาระหลัก และมาตรฐานการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ เพื่อเรียบเรียงเป็นจุดประสงค์ที่เกี่ยวกับทักษะ

2.4 คัดเลือกเนื้อหาที่เป็นเอกสารจริงจากสื่อภาษาอังกฤษต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ หนังสือ ท่องเที่ยว วารสาร สิ่งตีพิมพ์ แผ่นพับ เอกสารแนะนำการท่องเที่ยว และอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นข้อมูลที่ สอดคล้องกับหัวข้อต่างๆ (Topics) และแก่นสาร (Theme) โดยจัดทำเป็นหัวข้อบทเรียน 5 บทเรียน

2.5 นำข้อมูลที่ได้มาสร้างตารางกำหนดเนื้อหากิจกรรมการอ่าน (Table of Content Specification) ที่ประกอบด้วยชื่อเรื่อง ความสอดคล้องของบทอ่านกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ องค์ประกอบทางภาษา กิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินผล

2.6 สร้างแบบฝึกการอ่านตามตารางกำหนดเนื้อหากิจกรรมการอ่าน ซึ่งในแต่ละแบบฝึก ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ กิจกรรมก่อนการอ่าน (Pre-reading activity) กิจกรรมระหว่างการอ่าน (While-reading activity) และกิจกรรมหลังการอ่าน (Post-reading activity)

2.7 นำแบบฝึกที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงด้านเนื้อหา และ ปรับปรุงระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้เหมาะสม

วิธีดำเนินการศึกษา

ผู้วิจัยได้ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้

1. วิเคราะห์ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 75/75 ใช้สูตร E1/E2 (ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ: 2520)

2. เปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ด้วยการทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระ (t-test dependent)

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

โพสต์โดย ลัษมณ : [8 ต.ค. 2564 เวลา 10:48 น.]
อ่าน [3777] ไอพี : 49.228.230.196
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,842 ครั้ง
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...

เปิดอ่าน 20,613 ครั้ง
24 กันยายน วันมหิดล
24 กันยายน วันมหิดล

เปิดอ่าน 14,537 ครั้ง
DLIT รวมชุดสื่อการสอนเรื่อง "ไข้เลือดออก" ไว้ให้แล้ว ครูใช้สอนนักเรียนได้เลย
DLIT รวมชุดสื่อการสอนเรื่อง "ไข้เลือดออก" ไว้ให้แล้ว ครูใช้สอนนักเรียนได้เลย

เปิดอ่าน 36,413 ครั้ง
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.

เปิดอ่าน 11,721 ครั้ง
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"

เปิดอ่าน 10,556 ครั้ง
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ

เปิดอ่าน 18,346 ครั้ง
แจกฟรี powerpoint ฟิสิกส์ ม.ปลาย (บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด)
แจกฟรี powerpoint ฟิสิกส์ ม.ปลาย (บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด)

เปิดอ่าน 8,031 ครั้ง
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่8
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่8

เปิดอ่าน 18,532 ครั้ง
เทคนิคเจ๋งๆที่โรงเรียนไม่เคยสอน
เทคนิคเจ๋งๆที่โรงเรียนไม่เคยสอน

เปิดอ่าน 12,281 ครั้ง
ลูกขี้อาย ... ทำอย่างไรดี?
ลูกขี้อาย ... ทำอย่างไรดี?

เปิดอ่าน 54,321 ครั้ง
การขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
การขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

เปิดอ่าน 9,351 ครั้ง
คำตอบของ 3 จี ในประเทศไทย เอาไงกันแน่
คำตอบของ 3 จี ในประเทศไทย เอาไงกันแน่

เปิดอ่าน 11,159 ครั้ง
"เจตพังคี" คืออะไร?
"เจตพังคี" คืออะไร?

เปิดอ่าน 13,991 ครั้ง
มัลติมีเดีย ที่มาของการขยายเทคโนโลยีเครือข่าย
มัลติมีเดีย ที่มาของการขยายเทคโนโลยีเครือข่าย

เปิดอ่าน 11,217 ครั้ง
"อัดความรู้" แต่แบเบาะ สร้างอนาคตเด็กได้จริงหรือ?
"อัดความรู้" แต่แบเบาะ สร้างอนาคตเด็กได้จริงหรือ?

เปิดอ่าน 19,989 ครั้ง
เปิดรายการ "ราคากลาง" ซ่อมรถหลังน้ำท่วม ป้องกันถูกเอาเปรียบ
เปิดรายการ "ราคากลาง" ซ่อมรถหลังน้ำท่วม ป้องกันถูกเอาเปรียบ
เปิดอ่าน 32,931 ครั้ง
ประวัติ วัน คริสต์มาส
ประวัติ วัน คริสต์มาส
เปิดอ่าน 55,038 ครั้ง
ความหมายของเทคโนโลยี
ความหมายของเทคโนโลยี
เปิดอ่าน 30,938 ครั้ง
ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”?? ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ
ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”?? ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ
เปิดอ่าน 13,521 ครั้ง
พระคุณแม่  (ตอนที่ 1)
พระคุณแม่ (ตอนที่ 1)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ