การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 2 โรงเรียนบ้านลาเมาะ พบว่านักเรียนมีจุดอ่อน คือไม่รู้จักคำศัพท์ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนรู้และการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากนักเรียนไม่รู้จักคำศัพท์ไม่รู้ความหมายทำให้มีปัญหาด้านการเรียนวิชาภาษาอังกฤษและวิชาอื่น ๆ ตามมา จากสภาพการเรียน การสอนวิชาภาษาอังกฤษ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ12101
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านลาเมาะ
ข้อมูลเปรียบเทียบ ปีการศึกษา
2561 2562
เป้าหมาย 80 80
ผลการประเมิน 75.54 78.25
จากตารางที่ 1 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ12101
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านลาเมาะ ตั้งแต่ปี 2561 2562 ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้
อาจเป็นเพราะว่าโดยธรรมชาติของวิชาภาษาอังกฤษแล้ว ถือว่าเป็นวิชาที่นักเรียนไม่ค่อยให้ความสำคัญ เมื่อผนวกกับผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไม่น่าสนใจ และไม่มีการใช้สื่อที่มีคุณภาพ จึงส่งผลให้การเรียนน่าเบื่อหน่ายและมองไม่เห็นความสำคัญ
จากเหตุผลดังกล่าวผู้รายงานเห็นความจำเป็นและความสำคัญในการดำเนินการจัดทำ
แบบฝึกเรื่องแบบฝึกทักษะการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่อง English all around เพื่อพัฒนาวิธีการและส่งเสริมให้นักเรียนได้จดจำคำศัพท์ และนำไปใช้ในการเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษ และรายวิชาอื่น ๆ เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ และช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น อีกทั้งได้สื่อที่ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน
ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
การเรียนรู้เทคนิค 3R 7C เพื่อพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน แบบฝึกทักษะการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่อง English all around
ในการสร้างแบบฝึกทักษะการเขียนคำเพื่อใช้ในการสอนให้เกิดทักษะและประสิทธิภาพ
สูงสุดนั้น จำเป็นต้องศึกษาเทคนิคการสอน 3R 7C เพื่อให้แบบฝึกที่สร้างขึ้นนั้นมีความสมบูรณ์
เหมาะที่จะนำไปใช้กับนักเรียน มีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ให้มากที่สุดและต้องการให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน ดังนั้นผู้สร้างแบบฝึกทักษะการเขียนจึงต้องอาศัยการเรียนรู้ด้วยเทคนิค 3R 7C เพื่อเป็นแนวคิดพื้นฐานของการสร้างแบบฝึกเพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจ
คำนึงถึงความสามารถและความแตกต่างของนักเรียน ดังนี้
เทคนิค 3R 7C
ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่เขียนโดย ศ.น.พ.วิจารณ์ พานิช (2560 : 21) ได้กล่าวว่า การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยและตลอดชีวิตคือ 3R x 7C กล่าวคือ 3R ได้แก่
1. Reading (อ่านออก)
2. (W)Riting (เขียนได้)
3. (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
และ 7C ได้แก่
1.Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
2. Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
3. Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์)
4. Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
5. Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ)
6. Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร)
7. Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
ดังนั้นทักษะของคนต้องเตรียมคนออกไปเป็น Knowledge Worker โดยครูเพื่อศิษย์นั้นจะต้อง เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยสิ้นเชิงเพื่อให้เป็นครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 20 หรือศตวรรษที่ 19 ที่เตรียมคนออกไปทำงานในสายพานการผลิตในยุคอุตสาหกรรม การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องเตรียมคนออกไปเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ (Knowledge Worker) และเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ (Learning Person) ไม่ว่าจะประกอบสัมมาชีพใด มนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ต้องเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ และเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ แม้จะเป็นชาวนาหรือเกษตรกรก็ต้องเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ และเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ ดังนั้นทักษะสำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 21 จึงเป็นทักษะของการเรียนรู้ (Learning Skills) ครูเพื่อศิษย์เองต้องเรียนรู้ 3R x 7C และต้องเรียนรู้
ตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุจากการเป็นครูประจำการไปแล้วเพราะเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตของตนเองระหว่างเป็นครูประจำการก็เรียนรู้สำหรับเป็นครู เพื่อศิษย์และเพื่อการดำรงชีวิตของตนเองโดยย้ำว่าครูต้องเลิกเป็น ผู้สอน ผันตัวเองมาเป็นโค้ช หรือ Facilitator ของการเรียนของศิษย์ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL คือโรงเรียนในศตวรรษที่ 21 ต้องเลิกเน้นสอน หันมาเน้นเรียน เน้นทั้งการเรียนของศิษย์และของครู
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในประเทศไทยนั้นได้ยึดหลักของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ตามความคิดของนักคอนสตรัคติวิสต์(Constructivist) ที่เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ นักจิตวิทยาที่มีอิทธิพลต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง คือ Piaget นักจิตวิทยาชาวสวิส และ Vygotsky นักจิตวิทยาชาวรัสเซียPiaget เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความรู้ความคิด เกิดการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ ส่วน Vygotsky อธิบายหลักการสำคัญว่าผู้เรียนจะมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง และจะสามารถก้าวไปยังระดับการเรียนรู้ที่สูงขึ้นตามศักยภาพที่มีอยู่เมื่อได้รับการแนะนำช่วยเหลือจากผู้รู้ แนวความคิดของทั้ง Piaget และ Vygotsky มีส่วนที่คล้ายคลึงกันตรงการมีปฏิสัมพันธ์เพื่อนำสู่การเชื่อมโยงระหว่างประสบการณ์เดิมและประสบการณ์ใหม่ และ
การไปถึงระดับที่ผู้เรียนมีศักยภาพ
แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและพัฒนาแบบฝึกหัด
ชุลีพร แจ่มถนอม (2557, หน้า 32) ได้กล่าวว่า การสร้างแบบฝึกต้องคำนึงถึงตัวนักเรียนเป็นหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าจะฝึกเรื่องอะไร ด้านใด จัดเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เนื้อหาไม่ยากเกินไป และมีหลายรูปแบบที่น่าสนใจ การสร้างแบบฝึกควร คำนึงถึงเรื่องสำคัญ ดังนี้
1. ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. คำนึงถึงภาษาที่ใช้ให้เหมาะสมสั้น ๆ และชัดเจน
3. มีจุดมุ่งหมายในการสร้าง
4. มีการกำหนดเนื้อหาชัดเจน ไม่ยากจนเกินไป
5. รูปแบบน่าสนใจ