ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา ตำบลหนองไม้กอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร

ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา ตำบลหนองไม้กอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร

ผู้วิจัย นายอุทัย เพ็รชหิน

โรงเรียน โรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา

ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

จากรายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตำบลหนองไม้กอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อประเมินด้านบริบทของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา 2) เพื่อประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา 3) เพื่อประเมินด้านกระบวนการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา4) เพื่อประเมินด้านผลผลิตของการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา และ 5) เพื่อประเมินด้านผลกระทบของการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา รูปแบบที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ผู้ประเมินได้นำรูปแบบการประเมินซิปป์ (CIPP) ของสตัฟเฟิลบีม (D.L. Stufflebeam) และประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) ของรัตนะ บัวสนธ์ ได้รูปแบบการประเมินโครงการเป็นรูปแบบประยุกต์แบบซิปปี่ โมเดล (CIPPI Model) ประชากรที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 10 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 51 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 51 คน ของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 119 คน โดยเลือกแบบเจาะจงทั้งหมด (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม จำนวน 5 ฉบับ เป็นแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับของลิเคิร์ท (Likert’s Rating Scale) ได้แก่ แบบสอบถามฉบับที่ 1 ด้านบริบท แบบสอบถามฉบับที่ 2 ด้านปัจจัยนำเข้า แบบสอบถามฉบับที่ 3 ด้านกระบวนการ แบบสอบถามฉบับที่ 4 ด้านผลผลิต แบบสอบถามฉบับที่ 5 ด้านผลกระทบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )

ผลการประเมิน พบว่า

1. ผลการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์ประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านปัจจัยนำเข้า ( = 4.71, = 0.42) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านบริบท ( = 4.65, = 0.54) ซึ่งเท่ากับด้านผลผลิต ( = 4.64, = 0.52) ด้านกระบวนการ ( = 4.59, = 0.52) และด้านผลกระทบ ( = 4.48, = 0.62) ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้าน ปรากฏผลดังนี้

1.1 ด้านบริบทต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65, = 0.54) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดอยู่ใน 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ รายการที่ 2 สภาพชุมชนในเขตบริการของโรงเรียนนักเรียนมีปัญหาด้านการหย่าร้างแยกทางกันของพ่อแม่ผู้ปกครองและขาดพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่ ( = 5.00, = 0.00) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ รายการที่ 5 โครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของนักเรียน ( = 4.88, S.D.= 0.33) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 15 โครงการจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนได้เสียการจัดการศึกษาของโรงเรียนดูแลช่วยเหลือนักเรียนต่อเนื่อง ( = 4.88, S.D.= 0.33) และรายการที่ 7 โรงเรียนสามารถบริหารจัดการขับเคลื่อนโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.82, = 0.53) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 16 โครงการมีประโยชน์ต่อผู้บริหาร คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินงานตามโครงการ ( = 4.82, = 0.39) ตามลำดับ

1.2 ด้านปัจจัยนำเข้าต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, = 0.42) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดอยู่ใน 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ รายการที่ 5 ครูมีความตระหนักเห็นความสำคัญ มีเจตคติที่ดีและมีความสามารถในการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 5.00, = 0.00) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ รายการที่ 6 ครูรับผิดชอบกิจกรรมในโครงการมีจำนวนเพียงพอ ( = 4.88, = 0.33) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 7 ครูและครูผู้สอนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้มีความรู้ ความเข้าใจ ความตั้งใจ และสามารถปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่การดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.88, = 0.33) และเท่ากับรายการที่ 9 มีกรรมการดำเนินงานตามโครงการอย่างชัดเจน ( = 4.88, = 0.33) และ รายการที่ 2 ผู้บริหารความรู้ ความเข้าใจ และวางแผนงานดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนชัดเจนถือปฏิบัติได้ ( = 4.82, = 0.39) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 3 ผู้บริหารจัดระบบการบริหารงานบุคคลกำหนดและแต่งตั้งคณะครูในการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนชัดเจนและเหมาะสม ( = 4.82, = 0.39) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 4 ผู้บริหารและคณะครูถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจให้กับบุคลากรที่ดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ถูกต้องและชัดเจน ( = 4.82, = 0.39) และซึ่งเท่ากับรายการที่ 8 ครูเข้าใจขั้นตอน กระบวนการ จัดกิจกรรมในการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.82, = 0.39) ตามลำดับ

1.3 ด้านกระบวนการ ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการส่งเสริมนักเรียน ( =4.63, =0.50) เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( =4.61, =054) ซึ่งเท่ากับด้านเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินเมินผล ( =4.61, =0.52) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการป้องกันช่วยเหลือและแก้ไข ( =4.57, =0.54) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการวางแผนดำเนินงานตามโครงการ ( =4.55, =051) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการส่งต่อ ( =4.56, 0.55) และด้านกระบวนการเกี่ยวกับการคัดกรองนักเรียน ( =4.46, =0.49) ตามลำดับ

1.4 ด้านผลผลิต ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนด้านที่ค่าเฉลี่ยมากที่สุดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านการป้องกัน ช่วยเหลือ และแก้ไข ด้านการส่งเสริมนักเรียน ส่วนด้านการส่งต่อมีค่าเฉลี่ยเท่ากันกับด้านการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และด้านการคัดกรองนักเรียน ตามลำดับ

1.5 ด้านผลกระทบ ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( =4.71, =0.48) เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( =4.70, =47) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการส่งเสริมนักเรียน ( =4.66, =0.52) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการป้องกันช่วยเหลือและแก้ไข ( =4.63, =0.53) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการส่งต่อ ( =4.62, =0.54) และด้านผลผลิตเกี่ยวกับการคัดกรอง ( =4.46, =0.59) ตามลำดับ

2. ผลการวิเคราะห์ด้านปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาพบว่า

2.1 ปัญหา อุปสรรคที่เกิดกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนหนองไม้กอง วิทยศึกษา เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนขาดการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ครู ผู้ปกครอง และชุมชนทราบ เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูบุตรหลาน ไม่มีเวลาดูแล อบรมบุตรหลาน ทำให้นักเรียนมีปัญหาหลายด้าน เช่น ด้านการเรียน ด้านพฤติกรรมก้าวร้าว ด้านยาเสพติด ด้านชู้สาว และพ่อแม่ของนักเรียนแยกทางกัน หรือหย่าร้างกัน ทิ้งบุตรหลานให้ปู่ย่า ตายาย เลี้ยงดู ทำให้นักเรียนขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ ส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ตามลำดับ ส่วนปัญหา อุปสรรคที่มีค่าความถี่น้อยที่สุด คือ งบประมาณในการนำมาบริหารจัดการกิจกรรมตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีจำนวนไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

2.2 แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนค่าพาหนะ ให้ครูที่ปรึกษาในการไปเยี่ยมนักเรียน เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ โรงเรียนควรให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในเรื่องการเลี้ยงดู เอาใจใส่บุตรหลานและมีส่วนร่วมในการดูแลอบรมนักเรียนระหว่างอยู่ที่บ้าน และควรจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และท้องถิ่นได้ทราบผลอย่างต่อเนื่อง ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีความถี่น้อยที่สุด คือ คณะกรรมการแต่ละทีม คือ ทีมนำ ทีมประสาน และทีมทำ จะต้องประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดการวางแผนการทำงาน ขั้นตอนที่ชัดเจนร่วมกัน

2.3 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนควรจัดทำคู่มือ เอกสาร ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เพียงพอสำหรับครูที่ปรึกษา นักเรียน และผู้ปกครอง เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ โรงเรียนควรจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับทราบ และโรงเรียนควรมีการนิเทศ กำกับ ติดตาม ระหว่างการดำเนินงาน ทุกกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและรายงานผล ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีค่าความถี่น้อยที่สุด คือ ผู้บริหารควรมีการประชุมชี้แจง สร้างความตระหนักให้ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา เห็นถึงความสำคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ว่าเป็นโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนได้ผลจริง ซึ่งเท่ากับโรงเรียนควรประสานงานให้ผู้ปกครอง ชุมชน และท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มากกว่าที่เป็นอยู่

โพสต์โดย นางสาววารินทร์ ล่าล้อง : [18 ก.ย. 2564 เวลา 16:51 น.]
อ่าน [3144] ไอพี : 182.53.105.165
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 47,369 ครั้ง
ระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาล

เปิดอ่าน 15,439 ครั้ง
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!

เปิดอ่าน 18,654 ครั้ง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง

เปิดอ่าน 32,729 ครั้ง
ครู
ครู

เปิดอ่าน 28,687 ครั้ง
ห่วงโซ่อาหาร
ห่วงโซ่อาหาร

เปิดอ่าน 15,937 ครั้ง
แผ่นดินไหวปากีสถานดัน"เกาะ"โผล่กลางทะเล
แผ่นดินไหวปากีสถานดัน"เกาะ"โผล่กลางทะเล

เปิดอ่าน 16,329 ครั้ง
ถั่วเขียวขจัดรอยด่างดำ
ถั่วเขียวขจัดรอยด่างดำ

เปิดอ่าน 27,185 ครั้ง
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

เปิดอ่าน 10,783 ครั้ง
วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า
วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า

เปิดอ่าน 7,049 ครั้ง
วิธีปลูกผักชีในกระถาง
วิธีปลูกผักชีในกระถาง

เปิดอ่าน 20,406 ครั้ง
คุณครูหายไปไหนครับ?
คุณครูหายไปไหนครับ?

เปิดอ่าน 16,550 ครั้ง
5 สมุนไพรเพื่อวัยสูงอายุ
5 สมุนไพรเพื่อวัยสูงอายุ

เปิดอ่าน 35,627 ครั้ง
หนังตะลุง
หนังตะลุง

เปิดอ่าน 74,391 ครั้ง
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ
แบบคำขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ

เปิดอ่าน 7,089 ครั้ง
NewProfilePic Picture Editor แอปฯ เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์ให้เป็นภาพวาด
NewProfilePic Picture Editor แอปฯ เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์ให้เป็นภาพวาด

เปิดอ่าน 46,431 ครั้ง
การปฐมพยาบาล
การปฐมพยาบาล
เปิดอ่าน 40,518 ครั้ง
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้
เปิดอ่าน 10,513 ครั้ง
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
คู่มือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
เปิดอ่าน 14,235 ครั้ง
อาหารต้านสารก่อมะเร็งที่พบบ่อยในธรรมชาติ
อาหารต้านสารก่อมะเร็งที่พบบ่อยในธรรมชาติ
เปิดอ่าน 6,252 ครั้ง
ผลการสอบไม่สามารถบอกได้ทุกอย่าง
ผลการสอบไม่สามารถบอกได้ทุกอย่าง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ