ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา ตำบลหนองไม้กอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร
ผู้วิจัย นายอุทัย เพ็รชหิน
โรงเรียน โรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
จากรายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตำบลหนองไม้กอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อประเมินด้านบริบทของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา 2) เพื่อประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา 3) เพื่อประเมินด้านกระบวนการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา4) เพื่อประเมินด้านผลผลิตของการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา และ 5) เพื่อประเมินด้านผลกระทบของการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา รูปแบบที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ผู้ประเมินได้นำรูปแบบการประเมินซิปป์ (CIPP) ของสตัฟเฟิลบีม (D.L. Stufflebeam) และประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) ของรัตนะ บัวสนธ์ ได้รูปแบบการประเมินโครงการเป็นรูปแบบประยุกต์แบบซิปปี่ โมเดล (CIPPI Model) ประชากรที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 10 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 51 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 51 คน ของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 119 คน โดยเลือกแบบเจาะจงทั้งหมด (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม จำนวน 5 ฉบับ เป็นแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับของลิเคิร์ท (Likerts Rating Scale) ได้แก่ แบบสอบถามฉบับที่ 1 ด้านบริบท แบบสอบถามฉบับที่ 2 ด้านปัจจัยนำเข้า แบบสอบถามฉบับที่ 3 ด้านกระบวนการ แบบสอบถามฉบับที่ 4 ด้านผลผลิต แบบสอบถามฉบับที่ 5 ด้านผลกระทบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )
ผลการประเมิน พบว่า
1. ผลการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์ประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านปัจจัยนำเข้า ( = 4.71, = 0.42) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านบริบท ( = 4.65, = 0.54) ซึ่งเท่ากับด้านผลผลิต ( = 4.64, = 0.52) ด้านกระบวนการ ( = 4.59, = 0.52) และด้านผลกระทบ ( = 4.48, = 0.62) ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละด้าน ปรากฏผลดังนี้
1.1 ด้านบริบทต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65, = 0.54) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดอยู่ใน 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ รายการที่ 2 สภาพชุมชนในเขตบริการของโรงเรียนนักเรียนมีปัญหาด้านการหย่าร้างแยกทางกันของพ่อแม่ผู้ปกครองและขาดพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่ ( = 5.00, = 0.00) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ รายการที่ 5 โครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของนักเรียน ( = 4.88, S.D.= 0.33) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 15 โครงการจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนได้เสียการจัดการศึกษาของโรงเรียนดูแลช่วยเหลือนักเรียนต่อเนื่อง ( = 4.88, S.D.= 0.33) และรายการที่ 7 โรงเรียนสามารถบริหารจัดการขับเคลื่อนโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.82, = 0.53) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 16 โครงการมีประโยชน์ต่อผู้บริหาร คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินงานตามโครงการ ( = 4.82, = 0.39) ตามลำดับ
1.2 ด้านปัจจัยนำเข้าต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, = 0.42) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดอยู่ใน 3 อันดับแรก เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ รายการที่ 5 ครูมีความตระหนักเห็นความสำคัญ มีเจตคติที่ดีและมีความสามารถในการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 5.00, = 0.00) เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ รายการที่ 6 ครูรับผิดชอบกิจกรรมในโครงการมีจำนวนเพียงพอ ( = 4.88, = 0.33) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 7 ครูและครูผู้สอนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้มีความรู้ ความเข้าใจ ความตั้งใจ และสามารถปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่การดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.88, = 0.33) และเท่ากับรายการที่ 9 มีกรรมการดำเนินงานตามโครงการอย่างชัดเจน ( = 4.88, = 0.33) และ รายการที่ 2 ผู้บริหารความรู้ ความเข้าใจ และวางแผนงานดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนชัดเจนถือปฏิบัติได้ ( = 4.82, = 0.39) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 3 ผู้บริหารจัดระบบการบริหารงานบุคคลกำหนดและแต่งตั้งคณะครูในการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนชัดเจนและเหมาะสม ( = 4.82, = 0.39) ซึ่งเท่ากับรายการที่ 4 ผู้บริหารและคณะครูถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจให้กับบุคลากรที่ดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ถูกต้องและชัดเจน ( = 4.82, = 0.39) และซึ่งเท่ากับรายการที่ 8 ครูเข้าใจขั้นตอน กระบวนการ จัดกิจกรรมในการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( = 4.82, = 0.39) ตามลำดับ
1.3 ด้านกระบวนการ ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการส่งเสริมนักเรียน ( =4.63, =0.50) เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( =4.61, =054) ซึ่งเท่ากับด้านเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินเมินผล ( =4.61, =0.52) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการป้องกันช่วยเหลือและแก้ไข ( =4.57, =0.54) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการวางแผนดำเนินงานตามโครงการ ( =4.55, =051) ด้านกระบวนการเกี่ยวกับการส่งต่อ ( =4.56, 0.55) และด้านกระบวนการเกี่ยวกับการคัดกรองนักเรียน ( =4.46, =0.49) ตามลำดับ
1.4 ด้านผลผลิต ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนด้านที่ค่าเฉลี่ยมากที่สุดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านการป้องกัน ช่วยเหลือ และแก้ไข ด้านการส่งเสริมนักเรียน ส่วนด้านการส่งต่อมีค่าเฉลี่ยเท่ากันกับด้านการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และด้านการคัดกรองนักเรียน ตามลำดับ
1.5 ด้านผลกระทบ ต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, = 0.52) ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านผ่านเกณฑ์การประเมิน เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาค่าเฉลี่ยน้อย คือ ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( =4.71, =0.48) เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ( =4.70, =47) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการส่งเสริมนักเรียน ( =4.66, =0.52) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการป้องกันช่วยเหลือและแก้ไข ( =4.63, =0.53) ด้านผลผลิตเกี่ยวกับการส่งต่อ ( =4.62, =0.54) และด้านผลผลิตเกี่ยวกับการคัดกรอง ( =4.46, =0.59) ตามลำดับ
2. ผลการวิเคราะห์ด้านปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนยั่งยืนราษฎร์วิทยาพบว่า
2.1 ปัญหา อุปสรรคที่เกิดกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนหนองไม้กอง วิทยศึกษา เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนขาดการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ครู ผู้ปกครอง และชุมชนทราบ เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูบุตรหลาน ไม่มีเวลาดูแล อบรมบุตรหลาน ทำให้นักเรียนมีปัญหาหลายด้าน เช่น ด้านการเรียน ด้านพฤติกรรมก้าวร้าว ด้านยาเสพติด ด้านชู้สาว และพ่อแม่ของนักเรียนแยกทางกัน หรือหย่าร้างกัน ทิ้งบุตรหลานให้ปู่ย่า ตายาย เลี้ยงดู ทำให้นักเรียนขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ ส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ตามลำดับ ส่วนปัญหา อุปสรรคที่มีค่าความถี่น้อยที่สุด คือ งบประมาณในการนำมาบริหารจัดการกิจกรรมตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีจำนวนไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
2.2 แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนค่าพาหนะ ให้ครูที่ปรึกษาในการไปเยี่ยมนักเรียน เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ โรงเรียนควรให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในเรื่องการเลี้ยงดู เอาใจใส่บุตรหลานและมีส่วนร่วมในการดูแลอบรมนักเรียนระหว่างอยู่ที่บ้าน และควรจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และท้องถิ่นได้ทราบผลอย่างต่อเนื่อง ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีความถี่น้อยที่สุด คือ คณะกรรมการแต่ละทีม คือ ทีมนำ ทีมประสาน และทีมทำ จะต้องประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดการวางแผนการทำงาน ขั้นตอนที่ชัดเจนร่วมกัน
2.3 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปหาน้อย 3 อันดับ คือ โรงเรียนควรจัดทำคู่มือ เอกสาร ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เพียงพอสำหรับครูที่ปรึกษา นักเรียน และผู้ปกครอง เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ โรงเรียนควรจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับทราบ และโรงเรียนควรมีการนิเทศ กำกับ ติดตาม ระหว่างการดำเนินงาน ทุกกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและรายงานผล ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีค่าความถี่น้อยที่สุด คือ ผู้บริหารควรมีการประชุมชี้แจง สร้างความตระหนักให้ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา เห็นถึงความสำคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ว่าเป็นโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนได้ผลจริง ซึ่งเท่ากับโรงเรียนควรประสานงานให้ผู้ปกครอง ชุมชน และท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มากกว่าที่เป็นอยู่