การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาการเรียนการสอนสาระ
หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดํารงชีวิตในสังคมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) ศึกษาผลการพัฒนา
รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคมกลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดํารงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL 3) ศึกษาผล
การใช้รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดํารงชีวิตในสังคมของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL และ 4) ศึกษา
ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
และทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม
และการดํารงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการ
เรียนรู้แบบ RATHA MODEL กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียน
เทศบาลเมืองป่าตอง (บ้านไสน้ําเย็น) เทศบาลเมืองป่าตอง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จํานวน
1 ห้องเรียน นักเรียนจํานวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้
ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 3 ประเภท 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่
แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จํานวน 10 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการวิจัย ได้แก่ แบบ
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูและนักเรียน
แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL แบบทดสอบย่อย 3)
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการวิจัย ได้แก่แบบทดสอบวัดทักษะทางสังคมแบบปรนัย จํานวน 27 ข้อ และ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัย จํานวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย
(Mean) ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสรุปโดยใช้การบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปีการศึกษา 2561 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยังไม่
หลากหลาย ยังไม่เอื้อต่อการพัฒนาผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนมีปัญหาที่สําคัญที่สุด คือ ผู้เรียนไม่
ทราบว่าเมื่อเรียนไปแล้วจะนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร และจากรายงานผลการทดสอบ ทาง
การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผ่านมาพบว่า ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยต่ํากว่าระดับจังหวัด อีกทั้งยังมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ํากว่าเกณฑ์ที่
สถานศึกษากําหนดร้อยละ 70 และจากการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาของ
โรงเรียน พบว่า นักเรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับพอใช้
2. ผลการพัฒนารูปแบบการสอนพบว่า รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่
พลเมือง วัฒนธรรมและการดํารงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการ
เรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ขั้นแรก
ตรวจสอบตนเอง ขั้นสองแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ขั้นสามประเมินงานกลุ่มและขั้นสี่สรุป
ทัศนคติที่ดีต่อการเรียนมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62)
3. ทักษะทางสังคมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค
การเรียนรู้แบบ RATHA MODEL นักเรียนมีคะแนนทักษะทางสังคม ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็น
ร้อยละ 82.86 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กําหนดไว้ ร้อยละ 70.00 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA
MODEL มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คิดเป็นร้อยละ 73.24 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กําหนด
ไว้ร้อยละ 70.00
4. ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ RATHA MODEL ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องวัฒนธรรมและการดํารงชีวิตในสังคมในภาพรวม มีระดับดีเมื่อประเมินใน
รายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือด้านสื่อการเรียนการ
สอน และด้านการวัดประเมินผล ตามลําดับ