บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอแก่น จังหวัดขอนแก่น 3) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีแหล่งข้อมูล ดังนี้ 1) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 คือ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการบริหารการศึกษา การจัดการศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา และกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน ตัวแทนครู จำนวน 13 คน ผู้ปกครอง จำนวน 50 คน และตัวแทนนักเรียน จำนวน 50 คน รวมทั้งสิ้น 120 คน การได้มาของกลุ่มผู้ให้ข้อมูลได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน 2) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 คือ กลุ่มที่ตอบแบบสอบถามของโรงเรียน ได้แก่ หัวหน้ากลุ่มงาน และหัวหน้าสาระการเรียนรู้รวมทั้งสิ้น จำนวน 13 คน ซึ่งเป็นผู้กำกับและรับผิดชอบในการทดลองใช้วิธีการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน 3) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 คือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน ครูผู้สอน จำนวน 13 คน และนักเรียน จำนวน 50 คน และผู้ปกครอง จำนวน 50 คน รวมทั้งสิ้น 120 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกข้อเสนอแนะประเด็นต่างๆ ตามหัวข้อของการพัฒนา แบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อความแล้วสรุปเป็นประเด็น หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการวิจัย
1.ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TSI ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พบว่า มีความตรงและความเหมาะสมมากซึ่งเกิดจากการบูรณาการ 3 วิธีการ ได้แก่
วิธีที่ 1 การพัฒนาครู (Teacher Development : T) เป็นการพัฒนาความรู้ความสามารถในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ด้วยกระบวนการวิจัยและความสามารถในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา ประกอบด้วย 5 โครงการ คือ 1) โครงการอบรมครูและศึกษาดูงาน 2) โครงการนิเทศภายใน 3) โครงการส่งเสริมและพัฒนาการทำงานวิจัยในชั้นเรียนของครู 4) โครงการส่งเสริมพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ และสื่อการเรียนการสอน 5) โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่ห้องเรียน
วิธีที่ 2 การจัดหาสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ (Instructional Media/Material : I) เป็นการจัดหา ส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูมีการผลิต พัฒนาและใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีความหลากหลายและเหมาะสม เพื่อนำมาใช้ใน การเรียนการสอน และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างรอบรู้ ประกอบด้วย 3 โครงการ คือ 1) โครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุ 2) โครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 3) โครงการสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้
วิธีที่ 3 การขอความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders Request : S) เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียนในการจัดการศึกษาของโรงเรียน การให้ความใส่ใจบุตรหลานด้านการเรียน การสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ วิทยากรท้องถิ่นเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียน ประกอบด้วย 4 โครงการ คือ 1) โครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น 2) โครงการกีฬามหาสนุก 3) โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 4) โครงการประชุมผู้ปกครอง
2 ผลการใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TSI ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น สรุปได้ดังนี้
2.1 ผลการพัฒนาครู พบว่า ครูได้รับการพัฒนา เช่น มีการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนวิธีการสอน สามารถออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ได้หลากหลายขึ้น สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของโรงเรียนและนักเรียน มีการใช้กระบวนการกลุ่ม จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด อภิปราย การแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ของนักเรียน มีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้ยัง พบว่า ครูมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันมากขึ้น ในส่วนของการทำวิจัยในชั้นเรียนครูมีความกระตือรือร้น สนใจแสวงหาความรู้ และสามารถทำวิจัยในชั้นเรียนได้ทุกคน
2.2 ผลการขอความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พบว่า ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียนมากขึ้น ใส่ใจบุตรหลานด้านการเรียนมากขึ้น ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แก้ไขปัญหาของนักเรียน โดยให้ผู้ปกครองได้พบปะพูดคุยกับครูระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และมีการระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ ในชุมชนมาใช้ในการจัดการศึกษา และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมใช้ประโยชน์จากอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์และบุคลากรของโรงเรียนโรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ข้อมูลแก่ชุมชนอย่างสม่ำเสมอ
2.3 ผลการจัดหาสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ พบว่า โรงเรียนมีสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้มากขึ้น ครูมีการผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และนำสื่อมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้น ได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ ความพร้อม
ในการจัดการเรียนการสอน พัฒนาห้องสมุด มีชีวิต ซึ่งมีทรัพยากรสารสนเทศที่หลากหลาย ทั้งด้านเอกสาร สิ่งพิมพ์ สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการการศึกษาค้นคว้าของนักเรียน จำนวน 5 เครื่อง ด้วยระบบ Wireless LAN และมีการจัดเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับพิมพ์งานและสืบค้นข้อมูล
3. ผลการประเมินความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครอง ที่มีต่อการรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พบว่า คณะกรรมการสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครองมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการแบบ TIS ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น บูรณาการ 3 วิธีการ ได้แก่ การพัฒนาครู การขอความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการจัดหาสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ เป็นรูปแบบที่ดี และมีความเหมาะสมมากในการบริหารงานวิชาการ ของโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้อาจเนื่องจาก ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ และสามารถนำไปใช้จริงได้ มีการส่งเสริมและพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ มีการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของนักเรียน นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงและฝึกนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมให้มีการใช้สื่อการเรียนการสอน และประสานความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองและชุมชนในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ