ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เซต โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เซต

โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

ผู้วิจัย นางจุฬาลักษณ์ ยางทอง

สอนวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค31101 ระดับชั้น ม.4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

จากสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย พบว่าในรายวิชาคณิตศาสตร์ การตอบคำถาม การแสดงออกของผู้เรียนและการร่วมกิจกรรมของผู้เรียนยังไม่ทั่วถึง การจัดการเรียนรู้จากการอธิบายของครูให้ผู้เรียนฟังพร้อมยกตัวอย่าง 2 - 3 ตัวอย่าง บนกระดานแล้วให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดจากบทเรียน การเรียนรู้ของผู้เรียนจะเป็นในลักษณะต่างคนต่างเรียนไม่ได้ฝึกการทำงานร่วมกัน ผู้เรียนมีวิธีการแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือทำตามตัวอย่างที่ครูสอน มีวิธีการคิดที่ไม่หลากหลายและไม่กล้าคิดหาคำตอบที่แตกต่างจากครู ผู้เรียนในกลุ่มอ่อน ไม่กล้าแสดงออกในการถามและตอบคำถาม ขาดทักษะการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่สามารถดำเนินการวิเคราะห์โจทย์และหาแนวทางในการแก้ปัญหาได้ กิจกรรมไม่ได้ส่งเสริมผู้เรียนให้คิดหรือแก้ปัญหาอย่างมีระบบ โดยเฉพาะในหน่วยการเรียนรู้ เรื่องหลักการนับเบื้องต้นซึ่งเป็นหน่วยการเรียนรู้ที่มีลักษณะเป็นนามธรรม และเป็นหน่วยการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น ซึ่งผู้เรียนส่วนมากยังขาดทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในหน่วยการเรียนรู้เรื่องเซต ต่ำ

ผู้ศึกษาจึงสนใจที่ใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เซต โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนที่มีคุณภาพ ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ กิจกรรม จุดประสงค์การเรียนรู้ สื่อ/อุปกรณ์สำหรับการจัดกิจกรรม วิธีปฏิบัติกิจกรรม ใบความรู้ กิจกรรมฝึกทักษะ ซึ่งเป็นสื่อที่มีความเหมาะสมกับสภาพความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน สอดคล้องตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เซต

2. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เซต

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เซต

2. เป็นแนวทางสำหรับครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ

วิธีดำเนินการ

1. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง

1.1 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนหาดใหญ่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564จำนวน 2ห้องเรียน (ม.4/6, ม.4/7) ซึ่งมีความสามารถใกล้เคียงกัน รวมนักเรียนทั้งหมด 88 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 44 คน ซึ่งได้มาจากวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม

2.1 แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับใช้กับชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เซต โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล

3.1 ทำการทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

3.2 ดำเนินกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้ และใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง เซต โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

3.3 ทำการทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกับก่อนเรียนแต่สลับข้อ

4. การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย

การวิเคราะห์ข้อมูล

วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เซต โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดยใช้สูตร

t - test – Dependent

สถิติที่ใช้ในการวิจัย

4.1 การหาค่าเฉลี่ย (Mean)

4.2 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

4.3 เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จากค่าแจกแจง t แบบ Dependent

ผลการวิจัย

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เซต โดยใช้การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ข้อเสนอแนะ

1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรเริ่มจัดจากกิจกรรมที่มีความง่ายไปหาแบบฝึกที่มีความยากขึ้นและต้องให้นักเรียนทราบผลของการปฏิบัติกิจกรรมทันที เพื่อทราบความก้าวหน้าของตนเอง

2. การจัดกิจกรรม ครูควรคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล สำหรับนักเรียนที่ทำงานช้าควรปรับเวลาตามความเหมาะสม

3. การจัดกลุ่มเพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมควรมีการกำหนดให้นักเรียนที่เรียนเก่ง อ่อน และปานกลางได้อยู่ร่วมกันอย่างเหมาะสม

4. ควรมีการนำกระบวนการเรียนรู้รูปแบบอื่นนอกเหนือจากแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มาใช้ประกอบกับการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้

โพสต์โดย ปุก : [3 ก.ย. 2564 เวลา 06:48 น.]
อ่าน [3931] ไอพี : 202.129.48.200
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 42,976 ครั้ง
ทำไม "บาแก็ตต์" หรือ "ขนมปังฝรั่งเศส" จึงทำเป็นแท่งยาว?
ทำไม "บาแก็ตต์" หรือ "ขนมปังฝรั่งเศส" จึงทำเป็นแท่งยาว?

เปิดอ่าน 47,936 ครั้ง
ความหมายของคำว่า แม่
ความหมายของคำว่า แม่

เปิดอ่าน 12,526 ครั้ง
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา

เปิดอ่าน 29,158 ครั้ง
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว

เปิดอ่าน 10,540 ครั้ง
ตรุษจีน 58 กับเรื่อง ปีชง...เอาที่สบายใจ
ตรุษจีน 58 กับเรื่อง ปีชง...เอาที่สบายใจ

เปิดอ่าน 17,172 ครั้ง
ประวัติไข้หวัดใหญ่ที่เคยระบาดบนโลก
ประวัติไข้หวัดใหญ่ที่เคยระบาดบนโลก

เปิดอ่าน 16,252 ครั้ง
ผลิตพืชอินทรีย์ / สมุนไพรกำจัดโรคและแมลง
ผลิตพืชอินทรีย์ / สมุนไพรกำจัดโรคและแมลง

เปิดอ่าน 185,610 ครั้ง
ดนตรีไทย
ดนตรีไทย

เปิดอ่าน 20,846 ครั้ง
ภาษาพูด
ภาษาพูด

เปิดอ่าน 22,640 ครั้ง
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ

เปิดอ่าน 13,007 ครั้ง
O-net ย่ำแย่ แก้ที่ใคร คลิปแนะครูไทย เปลี่ยนวิธีสอนเด็กแบบ ท่อง-จำ
O-net ย่ำแย่ แก้ที่ใคร คลิปแนะครูไทย เปลี่ยนวิธีสอนเด็กแบบ ท่อง-จำ

เปิดอ่าน 8,937 ครั้ง
การปฏิรูปการศึกษาอย่าทำแบบปะผุ...ต้องปรับทั้งระบบ
การปฏิรูปการศึกษาอย่าทำแบบปะผุ...ต้องปรับทั้งระบบ

เปิดอ่าน 42,978 ครั้ง
การเขียนเรื่องสั้นเบื้องต้น
การเขียนเรื่องสั้นเบื้องต้น

เปิดอ่าน 20,562 ครั้ง
สมดุลของ 2 ส้อม และ 1 ไม้จิ้มฟัน
สมดุลของ 2 ส้อม และ 1 ไม้จิ้มฟัน

เปิดอ่าน 11,495 ครั้ง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง

เปิดอ่าน 12,786 ครั้ง
วิธีถ่ายรูปให้ดูดีกว่าตัวจริง
วิธีถ่ายรูปให้ดูดีกว่าตัวจริง
เปิดอ่าน 9,993 ครั้ง
ทางพ้นทุกข์
ทางพ้นทุกข์
เปิดอ่าน 15,008 ครั้ง
ความรักของแม่ ช่วย"สมอง"ลูกขยาย
ความรักของแม่ ช่วย"สมอง"ลูกขยาย
เปิดอ่าน 19,809 ครั้ง
ชมเลย แอนิเมชั่นการบริหารสมองเป็น 2 เท่า ด้วย Brain Activation
ชมเลย แอนิเมชั่นการบริหารสมองเป็น 2 เท่า ด้วย Brain Activation
เปิดอ่าน 11,084 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ