บทคัดย่อ
เรื่องที่ศึกษา : ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชา พลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว
ชื่อผู้ศึกษา : นายเอกชัย อุตอามาตย์
ครูโรงเรียนบ้านพงกูแว จังหวัดยะลา สพป.ยะลา เขต 2
ปีที่ศึกษา : 2563
..
รายงานการศึกษาในครั้งนี้ผู้ศึกษามีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาค่าประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว 3) เพื่อการหาค่าพัฒนาการสัมพัทธ์ ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) โรงเรียนบ้านพงกูแว ประชากรที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 2. ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 8 เล่ม 1.แผนการจักการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา จำนวน 20 ข้อ 4. แบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 5 ข้อการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีหาค่าความสอดคล้อง IOC ค่าเฉลี่ย (μ) ค่าร้อยละ % ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) ใช้ค่า E1 และ E2 หาค่าประสิทธิภาพเครื่องมือ และค่าพัฒนาการสัมพัทธ์ พบว่าได้ผลดังนี้
1. ค่าประสิทธิภาพประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว
ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (E1 / E2 ) มีค่าเท่ากับ 89.56/87.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและ
หลังเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา)
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว โดยมีคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน ดังนี้ คะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย μ เท่ากับ 9.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.17 หรือร้อยละ 49.50 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย μ เท่ากับ 17.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.24 หรือร้อยละ 87.50 ตามลำดับและเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. การหาค่าพัฒนาการสัมพัทธ์ ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านพงกูแว ที่ใช้ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว คะแนนพัฒนาการ ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน จากคะแนนพัฒนาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้ และเข้าใจในเนื้อหาบทเรียนมากขึ้น เมื่อพิจารณาคะแนนสัมพัทธ์แล้วทำให้รู้ว่านักเรียนแต่ละคนมีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้น เฉลี่ย ร้อยละ 75.82 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์พัฒนาการระดับสูง
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว
พบว่า ข้อคำถามที่มีคะแนนสูงสุด คือ ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทยมีความน่าสนใจ เฉลี่ย μ เท่ากับ 4.65 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.49 และข้อคำถามที่มีค่าคะแนนต่ำสุด คือ นักเรียนได้รับประโยชน์ของการเล่นเกม เฉลี่ย μ เท่ากับ 4.15 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 059 และมีระดับความพึงพอใจ ทั้ง 5 ข้อ เฉลี่ย μ เท่ากับ 4.41 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.62 อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก
สรุปได้ว่า ชุดฝึกทักษะการเล่นเกมพื้นบ้านไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (วิชาพลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพงกูแว จังหวัดยะลา ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับนักเรียนสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาการจัดกิจกรรมกลางแจ้งวิชาพลศึกษาและ ทักษะการเล่นเกมพื้นบ้าน ได้เป็นอย่างดียิ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน