รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงการใน 3 ด้าน คือ 1) ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) 2) ด้านกระบวนการ (Process) 3) ด้านผลผลิต (Product)
วิธีการศึกษาในครั้งนี้ได้นำแบบจำลองการประเมินปัจจัยนำเข้า-ผลผลิต (Input-Output Model หรือ System Approach) มาประยุกต์ใช้ในการกำหนดกรอบแนวคิดของการประเมิน โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับโครงการจำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มครูและบรรณารักษ์ จำนวน 9 คน ศึกษาโดยใช้ประชากรทั้งหมด 2) กลุ่มนักศึกษาที่ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 345 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ตามตารางของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 181 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามจำนวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 เป็นแบบสอบถามครูและบรรณารักษ์ที่มีต่อโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านปัจจัยเบื้องต้น ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 ชุดที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับนิสัยรักการอ่านของนักศึกษา มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.76 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมนสรุปได้ดังนี้
1. ภาพรวมผลการประเมนโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.76 ด้านที่มีความเหมาะสมมากที่สุดคือ ด้านกระบวนการ รองลงมาคือด้านผลผลิตและด้านที่มีความเหมาะสมน้อยที่สุดคือ ด้านปัจจัยเบื้องต้น และเมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมินซึ่งได้กำหนดไว้ในกรอบการประเมินว่าต้องมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.51 ขึ้นไปนั้น ปรากฏว่าผ่านเกณฑ์การประเมิน
2. ด้านความเพียงพอเหมาะสมของปัจจัยเบื้องต้น (Input) พบว่า ในภาพรวมมีความเพียงพอเหมาะสม อยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 3.43 รายการที่มีความเพียงพอเหมาะมากที่สุด คือด้านบุคลากร บุคลากรให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการ ส่วนด้านงบประมาณเป็นด้านที่มีความเพียงพอเหมะสมอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง และเมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมิน ซึ่งได้กำหนดไว้ในกรอบการประเมินว่าต้องมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.51 ขึ้นไปนั้น ปรากฏว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์การประเมิน
3. ด้านกระบวนการ (Process) ภาพรวมมีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.94 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมิน ซึ่งได้กำหนดไว้ในกรอบการประเมินว่าต้องมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.51 ขึ้นไปนั้น ปรากฏว่าผ่านเกณฑ์การประเมินในขั้นการดำเนินงานมีการปฏิบัติมากที่สุดคือ สถานศึกษามีการแต่งตั้งคณะกรรมดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านชัดเจน รองลงมาคือขั้นการวางแผน มีการแบ่งหน้าที่สม่ำเสมอปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนในด้านของรูปแบบ การจัดกิจกรรม มีการปฏิบัติมากมี่สุดคือกิจกรรมส่งเสริมการอ่านมีความเหมาะสม กับเพศ วัย และมีการแนะนำการใช้ห้องสมุดให้กับนักศึกษา ส่วนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านมีความหลากหลายน่าสนใจ และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของผู้รับบริการอยู่ในระดับมาก กิจกรรมส่งเสริมการอ่านสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ในรายวิชาต่าง ๆ ของนักศึกษามีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย
4. ด้านผลผลิต (Product) ตามวัตถุประสงค์ของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่าในด้านของครูและบรรณารักษ์มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.92 รายการที่พึงพอใจมากที่สุดคือ นักศึกษาสามารถนำทักษะการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รองลงมาคือนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมมีนิสัยรักการอ่าน ผลการวิเคราะห์นิสัยรักการอ่านของนักศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.99 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมิน ซึ่งได้กำหนดไว้ในกรอบการประเมินว่า ต้องมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.51 ขึ้นไปนั้นปรากฏว่าผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้งด้านครู บรรณารักษ์และนักศึกษา
1. ข้อเสนอแนะจากผลการประเมิน
1.1 ด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ
ในระดับนโยบายรัฐบาลควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เป็นรูปธรรมถึงแม้จะมีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดเป็นทศวรรษแห่งการอ่านตั้งแต่ ปี พ.ศ.2552-2561 แล้วก็ตาม แต่การขับเคลื่อนในเรื่องนี้ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร โดยเฉพาะในเรื่องของการสนับสนุนงบประมาณ สื่อวัสดุส่งเสริมการอ่านซึ่งไม่แตกต่างไปจากเดิม
ในระดับสถานศึกษา สถานศึกษาให้นักศึกษา ครู และบุคลากรในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการจัดหาทรัพยากรในห้องสมุดให้มีความเพียงพอและตรงตามกับความต้องการ จัดหางบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการมีความเพียงพอและเหมาะสม ควรมีการระดมทรัพยากรและการมีส่วนร่วมจากภาคีเครือข่ายภายนอกมาสนับสนุนการจัดโครงการให้มากขึ้น ทั้งในด้านของงบประมาณและสื่อวัสดุการอ่าน
ในระดับผู้ปฏิบัติ ควรมีการเสริมสร้างศักยภาพและให้ความรู้แก่ครูผู้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้มีความเป็นมืออาชีพมีความชำนาญและรู้จักบูรณาการกิจกรรมการอ่านให้เข้ากับการเรียนการสอนให้มากขึ้น การนำสื่อและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน รวมทั้งมีการประสานความร่วมมือกับบรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชน เพื่อบูรณาการในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และความต้องการของผู้เรียน
1.2 ด้านกระบวนการ
ควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เร้าความสนใจอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเหมาะสมกับวัยกับนักศึกษา และควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของกลุ่มเป้าหมายก่อนที่จะจัดกิจกรรมเนื่องจากนักศึกษาของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความแตกต่างระหว่างวัย เชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
1.3 ด้านผลผลิต
ควรเน้นให้มีกิจกรรมที่มีส่งเสริมให้นักศึกษา มีทักษะทางด้านการอ่านรู้จักการคิดวิเคราะห์กับวัยกับนักศึกษา และควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของกลุ่มเป้าหมายก่อนที่จะจัดกิจกรรมเนื่องจากนักศึกษาของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความแตกต่างระหว่างวัย เชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ อย่างมีความสุขและเป็นกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
2. ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินครั้งต่อไป
1. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ของสถานศึกษา เพื่อให้ทราบว่าควรตัดสินใจดำเนินโครงการในลักษณะใด โดยวิธีการใดจึงจะมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลต่อนักศึกษา
2. ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการอ่านของนักศึกษา
3. ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการอ่านของนักศึกษา
4. ควรมีการศึกษาต่อว่านอกจากกิจกรรมนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิสัยรักการอ่านของนักศึกษาแล้วยังส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือไม่