|
Advertisement
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ)
ชื่อผู้วิจัย บรรจง น้อยพันธุ์
ปีที่ศึกษา 2563
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) 2) เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) 4) เพื่อประเมินผลและถอดบทเรียนรูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) ผู้ให้ข้อมูลหลักในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ เป็นผู้บริหาร / ครูจำนวน 5 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 5 คน ผู้ปกครองจำนวน 5 คน และนักเรียน 5 คน กลุ่มเป้าหมายในการรับรองรูปแบบ เป็นผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน กลุ่มตัวอย่างเป็น ครู จำนวน 47 คน นักเรียนจำนวน 270 คน และกลุ่มเป้าหมายในการการถอดบทเรียน เป็นครู จำนวน 20 คน และนักเรียน จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียน แบบประเมินสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ของครู แบบประเมินทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน และการถอดบทเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t test (dependent) การวิเคราะห์เนื้อหา และการถอดบทเรียน ผลการวิจัยพบว่า
1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียน การสอนโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) สรุปว่า โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) ต้องมีการบริหารจัดการโดยการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom) ควรเร่งพัฒนาทั้งคน วิธีการ เครื่องมือเทคโนโลยี และระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อทำงานได้สำเร็จรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมุ่งเป้าเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนโดยเน้นไปที่การศึกษาเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จากการเรียนการสอนที่นักเรียนมีโอกาสเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง กิจกรรมต่างๆ ถูกหล่อหลอมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของนักเรียนและการเรียนรู้ โดยครูผู้จัดการเรียนการสอนได้นำเอาแนวคิดของความพอเพียงไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนและการปฏิบัติในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียน
2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) ใช้รูปแบบ PKNT Model สรุปองค์ประกอบ 4 ขั้นตอนคือ 1) การวางแผน (Planning : P) 2) การให้ความรู้ (Knowledge : K) 3) เครือข่ายวิชาการ (Networking : N) และ 4) การขยายผล (Transportability : T)
3) การทดลองใช้ โดยการจัดอบรม พบว่า การทดสอบความรู้ก่อนและหลังการอบรมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 7.63 และหลังอบรม 17.28 และเมื่อเปรียบเทียบคะแนน พบว่ามีความต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
4) ผลการประเมินผลและถอดบทเรียนรูปแบบการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) การประเมินระดับความรู้ความเข้าใจการจัดการเรียนรู้กิจกรรมนอกห้องเรียน ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก การประเมินระดับสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ของครูภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และการระดับทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ระดับทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย จั๊ม : [19 ส.ค. 2564 เวลา 11:24 น.] อ่าน [4192] ไอพี : 184.22.23.63
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 30,616 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 220,672 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,392 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,477 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,197 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,269 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,206 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 1,752 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,035 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 21,910 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,686 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 1,403 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,855 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 32,674 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,941 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 8,286 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,484 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 4,225 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,556 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,084 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|