ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญา ร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความ และการเ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุ

ปัญญา ร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะ

การอ่านจับใจความ และการเขียนสรุปความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 3

ผู้วิจัย นางสาวทองใส คำมี ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น

ปีที่พิมพ์ 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนา

รูปแบบการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) สร้าง

และพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วมกับสื่อ

สังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนสรุป

ความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการ

เรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social

Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนสรุปความ สำหรับนักเรียนชั้น

ประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อ

การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วม

กับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการ

เขียนสรุปความ ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กลุ่ม

ตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา

2562 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น จำนวน 32

คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบวิเคราะห์เอกสาร

3) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี

พหุปัญญาร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจ

ความและการเขียน สรุปความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 14 แผน

4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก

จำนวน 30 ข้อ และแบบอัตนัย ชนิดแบบวัดภาคปฏิบัติ จำนวน 2 ข้อ และ 5) แบบสอบถาม

ความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 3 ระดับ จำนวน 10 ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที

(t – test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา

สรุปผลการวิจัย

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ครูสอนแบบบรรยาย ขาดเทคนิคการสอน และ

ขาดสื่อที่เร้าความสนใจ นักเรียนอ่านและจดบันทึกตามครู เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีการ

แลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มเพื่อนและครูน้อย แนวคิดและทฤษฎีนำมาประยุกต์ใช้คือทฤษฎีพหุ

ปัญหา ที่เชื่อว่า สติปัญญาของมนุษย์มีหลายด้านที่มีความสัมพันธ์เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่า

ใครจะโดดเด่น ในด้านไหนบ้าง แล้วแต่ละด้านผสมผสานกัน แสดงออกมาเป็นความ

สามารถในเรื่องใด เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล พหุปัญญา 8 ด้าน คือ ปัญญา

ด้านภาษา ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ ปัญญาด้านร่างกาย

และการเคลื่อนไหว ปัญญาด้านดนตรี ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ ปัญญาด้านการเข้าใจ

ตนเอง ปัญญาด้านการเข้าใจธรรมชาติ สืบค้นข้อมูล นำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และใช้ในการกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจใน

การเรียนรู้ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความและเขียนสรุป

ความของนักเรียน

2. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วมกับ

สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการเขียน

สรุปความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษา

ข้อมูลพื้นฐาน สำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย สำหรับ

นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีชื่อเรีกว่า MNP3RPE Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ

วัตถุประสงค์ ขั้นตอนการเรียนรู้ สาระความรู้และทักษะกระบวนการ สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้

ระบบสังคม ระบบสนับสนุน และหลักการตอบสนอง ซึ่งขั้นตอนการเรียนรู้มี 5 ขั้นตอน คือ

1) ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Motivation : M) 2) ขั้นเรียนรู้เนื้อหาใหม่ (New Content : N)

3) ขั้นลงมือปฏิบัติ (Practice : P) โดยมีกิจกรรมย่อย 3 กิจกรรม คือ 3.1) กิจกรรมอ่าน

ละเอียด (Read : R1) 3.2) กิจกรรมจดบันทึก (Record : R2) และ 3.3) กิจกรรมเขียนสรุป

ใจความสำคัญ (Recite : R3) 4) ขั้นนำเสนอ (Presentation : P) และ 5) ขั้นประเมินผล

(Evaluation : E) และผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยผู้

เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด ( = 4.62, S.D. =

0.22)

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยด้านการอ่านจับใจความและการเขียนสรุปความ

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ

การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์

(Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนสรุปความ สูงกว่า

ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบ

การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์

(Social Media) เพื่อสร้างเสริมทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนสรุปความ อยู่ใน

ระดับมาก ( = 2.59, S.D. = 0.27)

โพสต์โดย ทองใส : [18 ส.ค. 2564 เวลา 12:06 น.]
อ่าน [4762] ไอพี : 182.232.98.57
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 34,988 ครั้ง
รูปแบบการสอน 7 ประการ
รูปแบบการสอน 7 ประการ

เปิดอ่าน 973 ครั้ง
5 ไอเดียสุดปัง รีโนเวทห้องน้ำให้สวยเหมือนใหม่ ถูกใจทุกวัย!
5 ไอเดียสุดปัง รีโนเวทห้องน้ำให้สวยเหมือนใหม่ ถูกใจทุกวัย!

เปิดอ่าน 18,640 ครั้ง
การบริหารกล้ามเนื้อตา
การบริหารกล้ามเนื้อตา

เปิดอ่าน 370 ครั้ง
คู่มือดูแลเครื่องถ่ายเอกสารสำนักงาน ใช้งานได้ทนทานขึ้น
คู่มือดูแลเครื่องถ่ายเอกสารสำนักงาน ใช้งานได้ทนทานขึ้น

เปิดอ่าน 24,173 ครั้ง
เกณฑ์มาตรฐานครูแห่งชาติ
เกณฑ์มาตรฐานครูแห่งชาติ

เปิดอ่าน 11,780 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 52 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จดหมายฉบับที่ 52 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 110,791 ครั้ง
"จิ้งหรีด" เลี้ยงเล่นๆ รายได้เดือนเกือบหมื่น
"จิ้งหรีด" เลี้ยงเล่นๆ รายได้เดือนเกือบหมื่น

เปิดอ่าน 11,460 ครั้ง
ดูกันหรือยัง "กังนัม สไตล์" Original
ดูกันหรือยัง "กังนัม สไตล์" Original

เปิดอ่าน 23,801 ครั้ง
เคล็ดไม่ลับ!!!วิธีตอน"มะนาว"ด้วย"กะปิ" ได้กิ่งพันธุ์ดี เป็นที่ต้องการ
เคล็ดไม่ลับ!!!วิธีตอน"มะนาว"ด้วย"กะปิ" ได้กิ่งพันธุ์ดี เป็นที่ต้องการ

เปิดอ่าน 35,581 ครั้ง
จำนวนตรรกยะ
จำนวนตรรกยะ

เปิดอ่าน 5,191 ครั้ง
รู้ไหมว่า เวลา "ฝนตก" จึงทำให้เรา "นอนหลับ" ได้ลึกขึ้น
รู้ไหมว่า เวลา "ฝนตก" จึงทำให้เรา "นอนหลับ" ได้ลึกขึ้น

เปิดอ่าน 110,189 ครั้ง
มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )
มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )

เปิดอ่าน 16,814 ครั้ง
10 ข้อดี ฝึกโยคะตอนเช้า
10 ข้อดี ฝึกโยคะตอนเช้า

เปิดอ่าน 10,475 ครั้ง
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดี ทันตาเห็น
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดี ทันตาเห็น

เปิดอ่าน 15,514 ครั้ง
คำเตือน เมนทอส กับเบียร์ อันตรายถึงชีวิต
คำเตือน เมนทอส กับเบียร์ อันตรายถึงชีวิต

เปิดอ่าน 25,340 ครั้ง
คํานาม
คํานาม
เปิดอ่าน 17,023 ครั้ง
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด
เปิดอ่าน 98,890 ครั้ง
สนามไฟฟ้า (electric field)
สนามไฟฟ้า (electric field)
เปิดอ่าน 21,305 ครั้ง
กินรสจืด ยืดชีวิต
กินรสจืด ยืดชีวิต
เปิดอ่าน 10,201 ครั้ง
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ