ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติ
ทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย นริษรา สิทธิชู
สถานที่วิจัย โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดโพธาวาส) เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
ปีที่ทำการวิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดโพธาวาส) เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 34 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน 16 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 45 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น (KR-20) เท่ากับ 0.82 แบบวัดทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ โดยใช้การให้คะแนนแบบรูบริค (Rubric Scoring) มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88 และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ค่าความเชื่อมั่น 0.86 แบบแผนการวิจัยแบบ One-Group Pretest-Posttest Design วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย การทดสอบสมมติฐานกลุ่มตัวอย่าง ที่ไม่มีความเป็นอิสระต่อกัน (t-test Dependent Samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
สภาพการจัดการเรียนรู้นาฏศิลป์ ในแต่ละโรงเรียนไม่แตกต่างกัน การจัดการเรียนรู้เน้นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ในการทำงาน มีจินตนาการ มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ และประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ในชีวิตประจำวัน ใช้วิธีสอนแบบสาธิตและฝึกปฏิบัติแบบการเรียนการสอนนาฏศิลป์ไทยแต่โบราณ เน้นการฝึกทักษะให้เกิดความชำนาญด้วยบทเรียนที่ซ้ำ ๆ จนกระทั่งนักเรียนสามารถจดจำท่าทางปฏิบัติซึ่งเป็นหลักใหญ่ได้
ด้านปัญหาในการจัดการเรียนรู้นาฏศิลป์ พบว่า ประสบปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในระดับมาก การสอนแบบอธิบายและสาธิตโดยมีครูเป็นศูนย์กลาง นักเรียนทำหน้าที่เป็นผู้รับและให้ความสำคัญแก่นักเรียนน้อยมาก มุ่งเน้นแต่เนื้อหาโดยไม่สนใจพื้นฐานความรู้เดิมหรือความต้องการของนักเรียน รวมทั้งไม่คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล นักเรียนเกิดความเครียดและเบื่อหน่าย ในการเรียน ตัวนักเรียนไม่สนใจที่จะศึกษา ไม่ให้ความสำคัญ ขาดความตระหนัก ไม่เห็นคุณค่าในการเรียนวิชานาฏศิลป์ คิดว่าเป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ทันสมัย ครูผู้สอนขาดการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ขึ้นมาใช้ นักเรียนไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 การทบทวนความรู้เดิม (Review Knowledge : R) ขั้นที่ 2 ขั้นการเตรียมความพร้อม (Readiness : R) ขั้นที่ 3 การสาธิตทักษะหรือการกระทำ (Demonstration : D) ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในกลุ่ม (Sharing : S) ขั้นที่ 5 การแสดงผลงาน (Performance : P) ขั้นที่ 6 ประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation : E) (4) ระบบสังคม และ (5) การวัดและประเมินผล
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.51/82.69 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์หลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติ ทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7706 แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.7706 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.06 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 0.70 ที่ตั้งไว้
ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ RRDSPE Model เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติทางนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.55 S.D=0.31)