|
|
แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระที่ 1 การดำรงชีวิตและครอบครัว สาระการเรียนรู้เรื่องงานบ้าน อาหารและโภชนาการ ทฤษฎีการสร้างความรู้ของ โจแนสเซน (1993:139) บรูเนอร์ (1986,1990,1996) กานอนและคลอลีย์ (2005) และ ฟอสน็อท (1996: 12-15) และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนและความสามารถในคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ การศึกษาความต้องการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน ประเด็นการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการของผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 2 คน และประเด็นการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ จำนวน 3 คน แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในขั้นตอนที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ในการตรวจสอบความเหมาะสม/สอดคล้อง และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แหล่งข้อมูล/กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล ๕ วัดเกาะกลาง สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 31 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการงานอาชีพ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤาฎีการสร้างความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา(content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่การหาค่าเฉลี่ย (x- ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test dependent )
ผลการวิจัย
1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ข้อมูลพื้นฐานโดยภาพรวมมีความเหมาะสม/สอดคล้องและเพียงพอกับการศึกษา เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีเป้าหมายการของการจัดศึกษาที่สอดคล้องกัน คือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ โดยเน้นทักษะการคิดและจากความต้องการของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่า ต้องการให้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในส่วนของผู้บริหารสถานศึกษา มีความคิดเห็นว่า การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเน้นการฝึกปฏิบัติจริงและฝึกการคิดมากๆจะส่งผลต่อการเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณได้ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของครูผู้สอนสาระการเรียนรู้การงานอาชีพที่เห็นว่าปัจจัยสำคัญในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพคือการปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ
2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน (EPLCE Model ) ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การกระตุ้นเตรียมความพร้อม (Encouragement: E ) ขั้นตอนที่ 2 การนำเสนอเนื้อหา (Presentation: P) ขั้นตอนที่ 3 การเรียนรู้กระบวนการคิด (Learning Thinking Process: L) ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการคิด 6 ขั้น 1) ตั้งเป้าหมายการคิด 2) วิเคราะห์และระบุประเด็นปัญหา 3) รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 4) ประเมินข้อมูล 5) ระบุสาเหตุและประเมินทางเลือก และ 6) ฝึกปฏิบัติการคิด ขั้นตอนที่ 4 การสร้างความรู้ (Construction: C) และขั้นตอนที่ 5 การประเมินผล (Evaluation: E) มีความเหมาะสม/สอดคล้องตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยมีค่าความเหมาะสมสอดคล้องมีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.75 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.43 และจากการหาประสิทธิภาพโดยนำไปทดลองใช้ (Tyout) กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ ( E1/E2 ) เท่ากับ 81.98/83.22 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (EPLCE Model) พบว่า จากการนำรูปแบบการเรียนการสอนไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล ๕ วัดเกาะกลาง สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 31 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit ) พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3 โดยพบว่าหลังการเรียนการสอนนักเรียนมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 52.709 ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย (x- ) เท่ากับ 37.25 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.04 และหลังเรียนเท่ากับ 51.45 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.80 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 4 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้การงานอาชีพสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 47.887 โดยมีคะแนนเฉลี่ย (x- ) ก่อนเรียน เท่ากับ 16.77 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.99 และหลังเรียนเท่ากับ 26.04 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.16 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 5
4. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (EPLCE Model) พบว่า หลังการจัดการเรียนการสอนนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย ( x- ) เท่ากับ 4.69 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.05 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 6
|
โพสต์โดย สา : [13 ส.ค. 2564 เวลา 07:12 น.] อ่าน [3858] ไอพี : 171.4.161.171
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 33,099 ครั้ง
| เปิดอ่าน 29,642 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,834 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,840 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,243 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,743 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,501 ครั้ง
| เปิดอ่าน 43,654 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,439 ครั้ง
| เปิดอ่าน 24,820 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,618 ครั้ง
| เปิดอ่าน 57,527 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,475 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,849 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,545 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 14,501 ครั้ง
| เปิดอ่าน 55,344 ครั้ง
| เปิดอ่าน 35,658 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,325 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,569 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|