การประเมินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนและผลผลิตของการดำเนินการตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ผู้ประเมินได้ใช้วิธีการประเมินตามแนวคิดรูปแบบการประเมินแบบซิปป์โมเดล (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) นำมาใช้ในการประเมินกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 4 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 7 คน (ไม่รวมตัวแทนครูและผู้บริหาร) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 22 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 15 คน โดยใช้วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) รวมทั้งสิ้น 48 คน ของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมินครั้งนี้เป็นแบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม โดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α-Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.95 0.94 0.96 0.94 0.97 1.00 และ 0.96 ตามลำดับ และแบบสอบถามวัดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง มีค่าความเชื่อมั่น 0.65 ผู้ประเมินวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมินพบว่า 1) การประเมินบริบทของการประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าหลักการและเหตุผลของโครงการเศรษฐกิจพอเพียงมีความสอดคล้องกับนโยบายในการจัดการศึกษาของโรงเรียน และวัตถุประสงค์ของโครงการมีความชัดเจน สามารถนําไปปฏิบัติได้จริงมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ สถานศึกษามีแผนงานการดำเนินการของโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถปฏิบัติได้จริง ส่วนสถานศึกษามีการกำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สามารถวัดและติดตามผลได้มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด 2) การประเมินปัจจัยนำเข้าของการประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า สถานศึกษามีผู้รับผิดชอบโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และการขับเคลื่อนกิจกรรมที่มีความรู้ ความสามารถอย่างเหมาะสมมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาสถานศึกษามีบุคลากรที่สามารถปฏิบัติตนกิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเหมาะสม ส่วนสถานศึกษามีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในโครงการให้ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องรับทราบมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด 3) การการประเมินกระบวนการของการประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า สถานศึกษามีการศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการดำเนินการโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และสถานศึกษามีการดำเนินกิจกรรมโครงการตามแผนและขั้นตอนการดำเนินการที่กำหนดไว้ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียงมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาสถานศึกษามีการบันทึกผลการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมอย่างเป็นระบบ ส่วนสถานศึกษามีการสรุปผล และรายงานผลการดำเนินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด 4) การประเมินผลผลิตของโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 คือประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจของนักเรียนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คุณลักษณะของนักเรียนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ความพึงพอใจของนักเรียน ความพึงพอใจของครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีผลการประเมินดังนี้ 4.1) การวัดความรู้ของนักเรียนที่ได้ทำแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจต่อการดำเนินกิจกรรมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.73 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.64 แสดงว่าประสิทธิภาพในการทำแบบทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจต่อการดำเนินกิจกรรมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 มีค่าเท่ากับ 83.64 ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กำหนด 4.2) คุณลักษณะตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง มีคะแนนเฉลี่ยโดยรวมร้อยละ 90.67 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่านักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านความพอประมาณมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือด้านเงื่อนไขความรู้ ส่วนเงื่อนไขคุณธรรมมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย 96.67 93.33 90.00 90.00 และ 83.33 ตามลำดับ ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กำหนด4.3) การประเมินความพึงพอใจต่อการโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีทักษะจากการปฏิบัติงานตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมานักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมีความสุข ส่วนนักเรียนมีโภชนาการที่ดี มีสุขพลานามัยที่แข็งแรงมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กำหนด 4.4) การประเมินความพึงพอใจต่อการโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของของครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวงโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินโครงการ ส่วนมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของโครงการอย่างสม่ำเสมอมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กำหนด
สรุปผลการประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 ผ่านเกณฑ์การประเมินในทุกด้าน
ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาไปใช้
จากผลประเมินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านเชี่ยวหมวง ปีการศึกษา 2563 ควรดำเนินการต่อไปโดยนำผลการประเมินไปปรับใช้และสรุปเป็นข้อเสนอแนะได้ดังนี้
1. จากผลการประเมิน ด้านบริบท พบว่าสถานศึกษามีการกำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สามารถวัดและติดตามผลได้มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้น สถานศึกษาควรจัดให้บุคลากรได้กำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมที่หลายหลายตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการติดตาม วัดผล ประเมินผล และติดตามผลการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ
2. จากผลการประเมิน ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่า สถานศึกษามีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในโครงการให้ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องรับทราบมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้น สถานศึกษาควรส่งเสริมให้บุคลากรได้มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในโครงการให้ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ
3. จากผลการประเมิน ด้านกระบวนการ พบว่า สถานศึกษามีการสรุปผล และรายงานผลการดำเนินโครงการเศรษฐกิจพอเพียงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้น สถานศึกษาควรส่งเสริมให้บุคลากรได้สรุปความก้าวหน้าของการดำเนินการอย่างเป็นระยะ
4. จากผลการประเมิน ด้านผลผลิต การประเมินความพึงพอใจในการดำเนินกิจกรรมของนักเรียนในการดำเนินการโครงการเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า นักเรียนมีโภชนาการที่ดี มีสุขพลานามัยที่แข็งแรงมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้นโรงเรียนควรมีการกระตุ้นและส่งเสริมผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ให้ได้รับอาหารตามหลักโภชนาการที่ดี
5. จากผลการประเมิน ด้านผลผลิต การประเมินความพึงพอใจในการดำเนินกิจกรรมของครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน พบว่าชุมชน มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของโครงการอย่างสม่ำเสมอมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด ดังนั้นโรงเรียนควรส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับข้อมูลข่าวสารให้มากขึ้น