ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานผลการประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

เรื่อง : รายงานผลการประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3

หน่วยงาน : โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3

ผู้รายงาน : นายพิชัยวัฒน์ ต้นแก้ว

ปีที่พิมพ์ : 2564

……………………………………………………………………………………………………….

รายงานผลการประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียน บ้านโป่งน้ำร้อน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST Model มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context Evaluation) ประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) และประเมินผลผลิต (Product Evaluation) ซึ่งด้านผลผลิตประกอบด้วยส่วนขยายดังนี้ ประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) ประเมินประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ประเมินความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) และประเมินการถ่ายทอดส่งต่อ (Transportability Evaluation) ทั้งนี้เพื่อนำผลการประเมิน ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และปรับปรุงการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มประชากร ประกอบด้วย ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 17 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียน จำนวน 224 คน และผู้ปกครอง จำนวน 162 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม แบบบันทึกเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา สามารถสรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ดังนี้

สรุปผลการประเมิน

ผลการประเมินผลโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST Model สรุปผลดังนี้

1. ผลการประเมินบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงสุดสองอันดับแรก ได้แก่ ออกแบบเป้าหมายที่สามารถวัดได้ชัดเจน และโครงการที่พัฒนามีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ตามลำดับ

2. ผลการประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงสุดสองอันดับแรก ได้แก่ ครูระบบการดูแลช่วยหลือนักเรียนที่กำหนดในโครงการ มีความเหมาะสม และครูระบบการช่วยเหลือนักเรียนมีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นในการทำงาน ตามลำดับ

3. ผลการประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามกระบวนการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดังนี้ ลำดับแรกด้านการพัฒนาและส่งเสริมนักเรียน ค่าเฉลี่ยสูงสุดในกระบวนการนี้คือ มีการจัดกิจกรรมโฮมรูมเพื่อส่งเสริมนักเรียนอย่างสร้างสรรค์ ลำดับที่สอง คือ ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ค่าเฉลี่ยสูงสุดในกระบวนการนี้คือ มีแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนอย่างหลากหลาย ถัดมาค่าเฉลี่ยเท่ากันคือ ด้านการคัดกรองนักเรียน ค่าเฉลี่ยสูงสุดในกระบวนการนี้คือ มีการสรุปแบ่งกลุ่มการคัดกรองนักเรียนอย่างเป็นระบบ และด้านการส่งต่อนักเรียน ค่าเฉลี่ยสูงสุดในกระบวนการนี้คือ มีการประสานงานระหว่างครูระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนกับครูที่ช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่อง และลำดับสุดท้ายคือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ค่าเฉลี่ยสูงสุดในกระบวนการนี้คือ ครูสังเกตพฤติกรรมนักเรียน ในชั้นเรียนเป็นระยะ ๆ

4. ผลการประเมินผลผลิต (Product Evaluation) นำเสนอตามส่วนขยายของผลผลิตดังนี้

4.1 ผลการประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงสุดสองอันดับแรก ดังนี้ อันดับแรก ทั้งครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง มีความเห็นสอดคล้องกันว่า นักเรียนเรียนรู้ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ลำดับถัดมา ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เห็นว่านักเรียนรู้จักตนเอง ประยุกต์ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเหมาะสม ส่วนนักเรียนและผู้ปกครองเห็นว่า นักเรียนได้รับการดูแลช่วยเหลือตรงตามสภาพปัญหา ตามลำดับ

4.2 ผลการประเมินประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation)

4.2.1 ผลการประเมินนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 หลังจากได้พัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในปีการศึกษา 2563 มีจำนวนลดลงจากปีการศึกษา 2562 โดยรวมคิดเป็นร้อยละ 41.67 โดยปัญหาที่ลดลงมากที่สุดร้อยละ 100 คือ การถูกละเมิดทางเพศ/กระทำอนาจาร, การถูกทำร้ายร่างกาย และการลักขโมย ส่วนรายการที่ลดลงน้อยที่สุดคือ นักเรียนยากจน ลดลงเพียงร้อยละ 6.25

4.2.2 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านโป่งน้ำร้อน จำนวน 224 คน พบว่า โดยรวมนักเรียนมีผลการประเมินในระดับดีขึ้นไปเฉลี่ย 207 คน คิดเป็นร้อยละเฉลี่ย 92.35

4.2.3 ผลที่เกิดตามเป้าหมายของโครงการ ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง พบว่า โดยรวม อยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ค่าเฉลี่ยสูงสุดในแต่ละประเด็นดังนี้ ด้านการพิทักษ์คุ้มครองและดูแลอย่างทั่วถึง ทั้งครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง มีความเห็นสอดคล้องกันว่า นักเรียนได้รับการปกป้อง คุ้มครอง และแก้ไขปัญหา อย่างเหมาะสม ด้านภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิต และการปรับตัว ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นว่า นักเรียนสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ส่วนนักเรียนและผู้ปกครองเห็นว่า นักเรียนมีทักษะ ในการดำรงชีวิต ด้านการพัฒนาตนเองและสังคม ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นว่า นักเรียนมีจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนนักเรียนและผู้ปกครองเห็นว่า นักเรียนสามารถปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีตามวิถีประชาธิปไตย และด้านการมีพัฒนาการอย่างรอบด้าน ทั้งครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครองครอง มีความเห็นสอดคล้องกันว่า นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความเต็มใจ

4.3 ผลการประเมินความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครองพบว่า โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงสุดสองอันดับแรก ทั้งครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครองเห็นสอดคล้องกันว่า อันดับแรกผู้บริหาร และครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนประกาศนโยบายชัดเจน ในการพัฒนาความเข้มแข็งของโครงการต่อในอนาคต ถัดมาโครงการประสบผลสำเร็จ เกิดประโยชน์เหมาะสมแก่การพัฒนาความเข้มแข็งต่อยอดอย่างยั่งยืน ตามลำดับ

4.4 ผลการประเมินด้านการถ่ายทอดส่งต่อ (Transportability Evaluation) ตามความคิดเห็นของครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับได้ผลดีมากที่สุด ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงสุดสองอันดับแรกดังนี้ อันดับแรกทั้งครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง มีความเห็นสอดคล้องกันว่า มีการจัดกิจกรรมนิทรรศการผลงานจากโครงการภายในโรงเรียน ให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถัดมาครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นว่า มีการเปิดโอกาสให้หน่วยงานอื่นเข้าศึกษาดูงานโครงการอย่างต่อเนื่อง ส่วนนักเรียนและผู้ปกครองเห็นว่า มีการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จของโครงการในรูปแบบต่าง ๆ ตามลำดับ

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้

1. ควรสร้างความตระหนัก และแรงจูงใจในการทำงานให้กับครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ก่อนการดำเนินงานโครงการโดยเน้นการยึดเป้าหมายเดียวกัน

2. ควรมีการให้ความรู้แก่ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในบทบาทหน้าที่ของการดำเนินงานตามกระบวนการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ให้ครอบคลุมกระบวนการ ทั้ง 5 กระบวนการ คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้านการคัดกรองนักเรียน ด้านการพัฒนาและส่งเสริมนักเรียน ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา และด้านการส่งต่อนักเรียน

3. ควรสร้างเครือข่ายการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น

4. ควรดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม การดำเนินงานตามโครงการอย่างต่อเนื่อง และ เป็นกัลยาณมิตร

ข้อเสนอแนะในการประเมินครั้งต่อไป

1. ควรมีการวิจัยประเมินผลด้วยวิธีเชิงคุณภาพ โดยเน้นการดำเนินการวิจัยเชิงลึกด้วยการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศเชิงลึกที่ทำให้ผลการประเมินมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

2. ควรมีการศึกษาด้านปัญหาและแนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนที่เปิดทำการสอนต่างระดับกัน ได้แก่ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษา

3. ควรมีการศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารจัดการโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนที่มีสภาพบริบททั่วไป กับโรงเรียนที่มีนักเรียนหลากหลายชาติพันธุ์

4. ควรมีการศึกษาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนที่นักเรียนมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์

โพสต์โดย ผอ.เบนซ์ : [27 ก.ค. 2564 เวลา 09:17 น.]
อ่าน [64333] ไอพี : 171.100.76.20
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 2,577 ครั้ง
อนุญาต หรือ อนุญาติ
อนุญาต หรือ อนุญาติ

เปิดอ่าน 13,631 ครั้ง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง

เปิดอ่าน 9,413 ครั้ง
ธปท. ยันไม่มีปลอม แบงก์เอทีเอ็ม
ธปท. ยันไม่มีปลอม แบงก์เอทีเอ็ม

เปิดอ่าน 13,734 ครั้ง
ฮอตมาก อาจารย์สถาปัตย์ มทร.ศรีวิชัย ดัดแปลงเพลงฮิต "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" ทวงการบ้านนักศึกษา
ฮอตมาก อาจารย์สถาปัตย์ มทร.ศรีวิชัย ดัดแปลงเพลงฮิต "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" ทวงการบ้านนักศึกษา

เปิดอ่าน 19,396 ครั้ง
เงินเดือนออก..ใช้อย่างไรให้ถึงเดือนหน้า
เงินเดือนออก..ใช้อย่างไรให้ถึงเดือนหน้า

เปิดอ่าน 56,379 ครั้ง
ต้นสาคู
ต้นสาคู

เปิดอ่าน 20,809 ครั้ง
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน

เปิดอ่าน 14,707 ครั้ง
คลิปสาธิตวิธีการทำแจกันหลอดไฟ
คลิปสาธิตวิธีการทำแจกันหลอดไฟ

เปิดอ่าน 23,262 ครั้ง
13 เรื่องจริงของสุนัขที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
13 เรื่องจริงของสุนัขที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

เปิดอ่าน 16,327 ครั้ง
กล้องโทรทรรศน์โซเฟียค้นพบหลุมดำ 11 หลุมในอวกาศ
กล้องโทรทรรศน์โซเฟียค้นพบหลุมดำ 11 หลุมในอวกาศ

เปิดอ่าน 11,017 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง

เปิดอ่าน 8,173 ครั้ง
ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย
ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย

เปิดอ่าน 27,700 ครั้ง
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT

เปิดอ่าน 10,845 ครั้ง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง

เปิดอ่าน 11,956 ครั้ง
หน่วยจัดประสบการณ์และหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ชั้นอนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3
หน่วยจัดประสบการณ์และหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ชั้นอนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3

เปิดอ่าน 14,198 ครั้ง
กิจกรรมวันสงกรานต์
กิจกรรมวันสงกรานต์
เปิดอ่าน 20,015 ครั้ง
สัญญาณ WiFi มีอันตรายต่อสมองหรือไม่
สัญญาณ WiFi มีอันตรายต่อสมองหรือไม่
เปิดอ่าน 17,216 ครั้ง
3 เทคนิควิเศษ ที่จะเสกให้คุณพูดอังกฤษเก่งเหมือนเจ้าของภาษา
3 เทคนิควิเศษ ที่จะเสกให้คุณพูดอังกฤษเก่งเหมือนเจ้าของภาษา
เปิดอ่าน 13,064 ครั้ง
การปฏิรูปการศึกษาไทยให้สำเร็จ ต้องปฏิรูปทั้งระบบ โดย เพชร เหมือนพันธุ์
การปฏิรูปการศึกษาไทยให้สำเร็จ ต้องปฏิรูปทั้งระบบ โดย เพชร เหมือนพันธุ์
เปิดอ่าน 35,657 ครั้ง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ