บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและ พหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วัตถุประสงค์การวิจัยได้แก่ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของครูที่สอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี 2) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและพหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและพหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อหาค่าประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและพหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและพหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) กลุ่มตัวอย่างได้แก่ 1) ครูผู้สอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 60 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เฉพาะครูที่สอนกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 2) ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนแก้งเหนือพิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 28 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบง่าย (Simple Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้
ในการศึกษาได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 19 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8968 2) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม จำนวน 10 แผน ค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.58 3) แบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม จำนวน 10 ชุด ค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.63 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนจริงและพหุนาม จำนวน 40 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9284 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม จำนวน 14 ข้อ ค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.71 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9425 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และความพึงพอใจของนักเรียน ใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design ทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) ทดลองสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ (Treatment) และทดสอบหลังการทดลอง (Post-test) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ E1/E2 หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้ t-test ทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดประสบการณ์ และเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้ E.I. วิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ใช้ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติของแบรนแนน (Brennan) หาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติตามวิธีของโลเวท (Lovett) หาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสอบถามปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และความพึงพอใจของนักเรียน (rcc) และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (x̄ ) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย พบว่า
1. โดยรวมปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ของครู มีปัญหาค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x̄=4.03) เมื่อพิจารณาเป็นรายสถานะ พบว่า สถานะที่มีปัญหาค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ ครูวุฒิสูงกว่าปริญญาตรี มีปัญหาอยู่ในระดับมาก (x̄ =4.15) รองลงมาได้แก่ ครูเพศชาย และครูที่มีประสบการณ์การทำงาน 6 ปีขึ้นไป มีปัญหาอยู่ในระดับมาก เท่ากันทั้ง 2 สถานะ (x̄ =4.04) ส่วนสถานะที่มีปัญหาค่าเฉลี่ยต่ำสุดได้แก่ ครูที่มีวุฒิปริญญาตรี มีปัญหาอยู่ในระดับมาก (x̄ =3.89)
2. โดยรวมแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 77.04 คิดเป็นร้อยละ 77.04 เมื่อพิจารณาเป็นรายแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.89 คิดเป็นร้อยละ 78.96 รองลงมาได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 และ 8 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.75 คิดเป็นร้อยละ 77.50 เท่ากันทั้ง 2 แผน ส่วนแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.54 คิดเป็นร้อยละ 75.36
3. ประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) ของแบบฝึกทักษะ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 78.86 คิดเป็นร้อยละ 78.86 ประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2) ของแบบฝึกทักษะ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 30.43 คิดเป็นร้อยละ 76.07 ดังนั้น E1=78.86/ E2=76.07 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้
4. ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเท่ากับ 0.6564 แสดงว่าแบบฝึกทักษะ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม โดยจัดกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือใช้เทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดนี้ ทำให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 65.64 สูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้
5. การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 12.15 คะแนน และ 30.43 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้
6. ผู้เรียนชายมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม โดยรวมอยู่ในระดับมาก
( x̄=3.89) และผู้เรียนหญิงมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม โดยรวมอยู่ในระดับมาก
( x̄=3.64)
7. โดยรวมก่อนเรียนผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม อยู่ในระดับน้อย ( x̄=2.17) และโดยรวมหลังเรียนผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม อยู่ในระดับมาก (x̄ =4.28)
8. ความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนจริงและพหุนาม ก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.17 และ 4.28 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างค่าเฉลี่ยความพึงพอใจก่อนและหลังเรียน พบว่า ค่าเฉลี่ยหลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้