ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำ

ชื่อเรื่อง : การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 1,000 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

ชื่อผู้วิจัย : นันท์นภัส สิงห์วรทัต

ปีการศึกษา 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง “การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 1,000 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ” เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนการสอนรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด ใช้กระบวนการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methodology) และรูปแบบ การวิจัย Pre-Experimental Design โดยในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้แบบแผนการวิจัยเป็นแบบกลุ่มเดียวมีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน The One-Group Pretest-Posttest Design

ผลการวิจัย พบว่า

1. แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา

(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 1,000 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นทบทวนบทเรียนและความรู้เดิม ขั้นนี้ครูจะแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนทราบและในขั้นนี้ครูและนักเรียนทบทวนบทเรียนที่ผ่านมาร่วมกันโดยครูใช้คำถามนำ เพื่อให้นักเรียนตอบคำถามพร้อมกัน โดยการตอบคำถามหรือสถานการณ์ที่ใกล้ตัว ที่ครูสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่โดยผู้สอนใช้วิธีการที่หลากหลาย 2) ขั้นนำเสนอปัญหาปลายเปิดเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ ขั้นนี้ครูใช้สื่อโดยใช้ของจริง รูปภาพ แนะนำแหล่งความรู้ผู้เรียนและครูจะร่วมกันอภิปรายตอบคำถามจากสถานการณ์ที่หลากหลาย ในขั้นนี้ครูนำเสนอปัญหาปลายเปิด จากนั้นให้นักเรียนทำความเข้าใจปัญหา โดยครูใช้คำถามนำเพื่อให้นักเรียนวิเคราะห์ปัญหา ถึงสิ่งที่โจทย์กำหนดให้และสิ่งที่โจทย์ต้องการ 3) ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ รวบรวมข้อมูล และแนวคิดคิดที่เกี่ยวข้อง ขั้นนี้ผู้เรียนต้องศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจกับข้อมูล/ความรู้ ที่หามาได้ผู้เรียนต้องสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการคิด ใช้สื่อรูปธรรม วางแผนโดยอาศัยการเชื่อมโยงกับความรู้เดิมนักเรียนแต่ละคนวางแผนแก้ปัญหาอย่างอิสระนักเรียน พร้อมทั้งบันทึกแนวคิดหรือวิธีการแก้ปัญหาลงในกิจกรรม โดยครูใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนมีกระบวนการแก้ปัญหาหรือคำตอบของปัญหาที่หลากหลาย 4) ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา และแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม ขั้นนี้ผู้เรียนทำกิจกรรมในใบความรู้ โดยลงมือปฏิบัติจากสื่อรูปธรรม ผู้เรียนในกลุ่มช่วยกันทำงาน สร้างสรรค์ผลงาน และเรียนรู้จากขบวนการกลุ่มในใบความรู้ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มละ 5-6 คน จากนั้ นให้นักเรียนแต่ละคนอธิบายและแลกเปลี่ยนแนวคิดการแก้ปัญหาของคนภายในกลุ่ม เพื่อหาแนวคิด แล้วลงมือแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมทั้งบันทึกวิธีการแก้ปัญหาลงในใบกิจกรรมของแต่ละคน 5) ขั้นวางแผน ดำเนินการแก้ไขปัญหาสรุปจัดระเบียบความรู้และวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ ขั้นนี้เป็นขั้นของการสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมดทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่ โดยนำมาจัดให้เป็นระบบระเบียบเพื่อสรุปสาระสำคัญของบทเรียนช่วยให้ผู้เรียนจดจำสิ่งที่เรียนรู้ ได้ดียิ่งขึ้น โดยการสรุปหลากหลายรูปแบบ อาทิ ใช้เพลง เกม ในการสรุป ผู้เรียนและครูร่วมกันสรุป ในขั้นนี้ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มของทุกกลุ่มออกมานำเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาของกลุ่มตนเองพร้อมทั้งเขียนวิธีการแก้ปัญหาอย่างละเอียดชัดเจนบนกระดาน จากนั้นเปิดโอกาสให้นักเรียนคน อื่น ๆ ซักถามและอภิปรายแลกเปลี่ยนแนวคิดซึ่งกันและกันภายในชั้นเรียน 6) ขั้นการแสดงผลงาน ตรวจสอบและประเมินผล ขั้นนี้ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงผลงานการสร้างความรู้ของตนเองให้ผู้อื่นรับรู้ โดยการนำผลงานมาติดที่กระดานดำหน้าชั้นเรียน เป็นการช่วยให้ผู้เรียนตรวจสอบเพื่อช่วยให้ผู้เรียนจดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบและสรุปแนวคิดการแก้ปัญหาของแต่ละกลุ่มที่ได้นำเสนอไป เพื่อให้นักเรียนพิจารณาแนวคิดการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับปัญหานั้น ๆ ซึ่งอาจมีมากกว่า 1 แนวคิดหรือ 1 คำตอบ จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้างปัญหาใหม่จากปัญหาเดิมโดยอาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเงื่อนไขให้กับปัญหาเดิม พร้อมทั้งร่วมกันแก้ปัญหาแล้วบันทึกลงในใบกิจกรรม ครูใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนเกิดแนวคิดที่แปลกใหม่เป็นของตนเอง รวมทั้งให้คำแนะนำเมื่อนักเรียนสร้างปัญหาปลายเปิดที่ไม่เหมาะสม 7) ขั้นพัฒนาทักษะและประยุกต์ใช้ความรู้ ขั้นนี้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการนำความรู้ความเข้าใจของตนไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยผู้เรียนจะทำใบงาน ที่ครูสร้างขึ้นครูใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนเกิดแนวคิดที่แปลกใหม่เป็นของตนเอง รวมทั้งให้คำแนะนำเมื่อนักเรียนสร้างปัญหาปลายเปิดที่ไม่เหมาะสม และประสิทธิภาพของการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 1,000 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ 84.85/82.40

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนซึ่งเรียนด้วยแผนการจัดการ เรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 1,000 สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีการพัฒนาในการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางด้วยรูปแบบซิปปา(CIPPA MODEL) ร่วมกับวิธีการสอนแบบเปิด ในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ทั้ง 5 ด้าน เรียงตามลำดับจากคะแนนเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ 1) ด้านความสนใจและการมีส่วนร่วม 2) ด้านความสนุกสนานเพลิดเพลิน 3) ด้านการมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ด้านการเก็บสื่ออุปกรณ์หลังจากใช้ปฏิบัติกิจกรรม และ 5) ด้านการรู้จักการสังเกตและการแก้ไขปัญหา

โพสต์โดย นันท์นภัส สิงห์วรทัต : [16 มิ.ย. 2564 เวลา 21:30 น.]
อ่าน [4398] ไอพี : 171.4.152.151
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,931 ครั้ง
คลิป โอบามา เต้นกังนัมสไตล์
คลิป โอบามา เต้นกังนัมสไตล์

เปิดอ่าน 20,608 ครั้ง
5 สิ่งไม่ควรทำหลังทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ
5 สิ่งไม่ควรทำหลังทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ

เปิดอ่าน 30,120 ครั้ง
ประวัติ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.
ประวัติ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.

เปิดอ่าน 16,383 ครั้ง
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน

เปิดอ่าน 41,071 ครั้ง
นวดศีรษะและต้นคอก่อให้เกิดอันตรายจริงหรือ?
นวดศีรษะและต้นคอก่อให้เกิดอันตรายจริงหรือ?

เปิดอ่าน 24,272 ครั้ง
รามเกียรติ์
รามเกียรติ์

เปิดอ่าน 15,385 ครั้ง
มนุษย์เป็นพวกกับลิงอุรังอุตัง ยิ่งกว่าเป็นกับลิงชิมแปนซีและกอริลลา
มนุษย์เป็นพวกกับลิงอุรังอุตัง ยิ่งกว่าเป็นกับลิงชิมแปนซีและกอริลลา

เปิดอ่าน 95,273 ครั้ง
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)

เปิดอ่าน 26,757 ครั้ง
7 ยี่ห้อน้ำดื่มไฮโซ แพงที่สุดในโลก
7 ยี่ห้อน้ำดื่มไฮโซ แพงที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 43,147 ครั้ง
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ

เปิดอ่าน 28,012 ครั้ง
ประโยชน์จากปูทะเล
ประโยชน์จากปูทะเล

เปิดอ่าน 19,642 ครั้ง
(ก.ค.ศ.)การศึกษาตัวแปรที่สัมพันธ์กับความสำเร็จในการประกอบวิชาชีพครู
(ก.ค.ศ.)การศึกษาตัวแปรที่สัมพันธ์กับความสำเร็จในการประกอบวิชาชีพครู

เปิดอ่าน 33,790 ครั้ง
ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม ดูงาน วิจัยและพัฒนา พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม ดูงาน วิจัยและพัฒนา พ.ศ. 2552

เปิดอ่าน 13,792 ครั้ง
ปรากฏการณ์ในโฟโตสเฟียร์
ปรากฏการณ์ในโฟโตสเฟียร์

เปิดอ่าน 41,965 ครั้ง
6 ขั้นตอนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานและความผูกพันในองค์กร เพื่อรักษาคนเก่งขององค์กร
6 ขั้นตอนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานและความผูกพันในองค์กร เพื่อรักษาคนเก่งขององค์กร

เปิดอ่าน 14,245 ครั้ง
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
เปิดอ่าน 17,985 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ของคลีโอพัตรา ไม่สวยอย่างที่ร่ำลือ-แต่ฉลาด
เรื่องน่ารู้ของคลีโอพัตรา ไม่สวยอย่างที่ร่ำลือ-แต่ฉลาด
เปิดอ่าน 15,350 ครั้ง
การได้สารพิษ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 8
การได้สารพิษ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 8
เปิดอ่าน 14,868 ครั้ง
รถไฮบริด (Hybrid) คืออะไร
รถไฮบริด (Hybrid) คืออะไร
เปิดอ่าน 18,570 ครั้ง
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome)
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ