บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของระบบการนิเทศภายใน โดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ 2) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ของระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ 3) เพื่อพัฒนาระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ 4) เพื่อประเมินผลการใช้ระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ที่พัฒนาขึ้น โดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาและการวิเคราะห์ระบบ เป็นการศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบ และสอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์จากโรงเรียนบ้านช่องพลี กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมิน และแบบสอบถาม ระยะที่ 2 การออกแบบระบบ เป็นการสร้างและพัฒนาระบบนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานกับคู่มือการใช้ระบบโดยผ่านผู้เชี่ยวชาญประเมินระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมิน ระยะที่ 3 การนำระบบไปใช้ เป็นการนำระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ คู่มือการใช้ระบบ และระยะที่ 4 การประเมินผลระบบ เป็นการสรุปภาพรวม ผลการใช้ระบบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI Modified)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ สามารถแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบหลัก และ 17 องค์ประกอบย่อย ประกอบด้วย ด้านปัจจัยนำเข้า มี 6 องค์ประกอบย่อย ด้านกระบวนการ มี 6 องค์ประกอบย่อย ด้านผลผลิตและผลลัพธ์ มี 3 องค์ประกอบย่อย และด้านข้อมูลย้อนกลับ มี 2 องค์ประกอบย่อย
2. สภาพปัจจุบันของระบบการนิเทศภายในของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ โดยภาพรวมมีการดำเนินการอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์โดยภาพรวมมีความพึงประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด และการจัดลำดับความสำคัญต้องการจำเป็น (PNI Modified) ขององค์ประกอบ พบว่า ด้านปัจจัยนำเข้ามีค่า PNI อันดับ 1 คือ ทรัพยากรสนับสนุนการนิเทศภายใน ด้านกระบวนการมีค่า PNI อันดับ 1 คือ การประเมินผลการนิเทศภายใน และด้านผลผลิตและผลลัพธ์มีค่า PNI อันดับ 1 คือ ทีมงานนิเทศภายใน
3. ระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ด้านปัจจัย นำเข้า มีองค์ประกอบ ได้แก่ ผู้นิเทศภายใน สมรรถนะผู้นิเทศภายใน ผู้ได้รับการนิเทศภายใน ทรัพยากรสนับสนุนการนิเทศภายใน สภาพแวดล้อมสนับสนุนการนิเทศภายใน และการจัดการภายในทีมงาน ด้านกระบวนการ มีองค์ประกอบ ได้แก่ การสร้างทีมงานนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐาน การวางแผนการนิเทศภายในร่วมกันกับทีมงาน การกำหนดกลยุทธ์ในการนิเทศภายในร่วมกันกับทีมงาน การดำเนินการนิเทศภายในร่วมกันกับทีมงาน การกำกับติดตามการนิเทศภายในร่วมกันกับทีมงาน และการประเมินผลการนิเทศภายในร่วมกันกับทีมงาน ด้านผลผลิตและผลลัพธ์ มีองค์ประกอบ ได้แก่ ความรู้และความสามารถของทีมงานนิเทศภายใน ความรู้และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้ได้รับการนิเทศภายใน พฤติกรรมการจัดการเรียนการสอนของครู ผู้ได้รับการนิเทศภายใน และความพึงพอใจในระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐาน และด้านข้อมูลย้อนกลับ มีองค์ประกอบ ได้แก่ ผลการปรับปรุง แก้ไข หรือการรายงานผล พร้อมทั้งพัฒนาระบบการดำเนินงานออกเป็น 6 ระบบย่อย
4. การประเมินผลการใช้ระบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานของโรงเรียนบ้านช่องพลี สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ เป็นดังนี้
4.1 ทีมงานนิเทศมีความรู้ ความเข้าใจกระบวนการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานผ่านเกณฑ์การประเมินทุกคน และมีความสามารถในการนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐาน ซึ่งสามารถปฏิบัติได้อยู่ในระดับสูงขึ้นไปทุกคน
4.2 ครูผู้สอนที่ได้รับการนิเทศภายในมีความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนผ่านเกณฑ์การประเมินทุกคน และสามารถจัดการเรียนการสอนได้ในระดับดีทุกคน
4.3 ครูผู้สอนที่ได้รับการนิเทศภายใน มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการจัดการเรียนการสอนพัฒนาดีขึ้น
4.4 ทีมงานนิเทศ มีความพึงพอใจต่อการใช้ระบบนิเทศภายในโดยใช้ทีมงานเป็นฐานอยู่ในระดับมากที่สุด และคณะครูภายในโรงเรียนที่ได้รับการนิเทศภายใน มีความพึงพอใจต่อการนิเทศภายในอยู่ในระดับมากที่สุด