ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน และส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังห

ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน

และส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ

จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563

ผู้รายงาน ว่าที่ร้อยเอกวีรฉัตร โสเจยยะ

ผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา

ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563

บทสรุป

รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา

ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยนำเข้า

ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ โดยประยุกต์รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stuftlebeam. 1983 : 169-179) มาใช้ในการประเมิน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ครู จำนวน 15 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 107 คน ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 104 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ได้ค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง 0.92-0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

ผลการประเมินพบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อมโครงการ การพัฒนาทักษะ

การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และครู โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มประเมินอยู่ในระดับมากได้คะแนนเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.19, S.D. = 0.75) ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และรองลงมาคือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.16, S.D. = 0.77) ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านปัจจัยนำเข้าโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน

การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.19, S.D. = 0.76) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ด้านกระบวนการในการ ดำเนินโครงการการพัฒนาทักษะ

การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู

และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสามกลุ่มประเมิน อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์ การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า นักเรียนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.32, S.D. = 0.72) มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และรองลงมา คือผู้ปกครองมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.28, S.D. = 0.73) ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.18, S.D. = 0.76) มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมต่ำสุด ได้คะแนน 20 คะแนน ผ่านเกณฑ์การประเมินเช่นกัน

4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิต ได้แก่

4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลผลิตด้านคุณภาพการพัฒนาทักษะการอ่าน

การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยในภาพรวมสูงสุด (x̄ = 4.33, S.D. = 0.71) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (x̄ = 4.32, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และครู มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̄ = 4.26, S.D. = 0.75, S.D. = 0.73) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมินเช่นกัน

4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̄ = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มครู (x̄ = 4.25, S.D. = 0.72)อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̄ = 4.32, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (x̄ = 4.29, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̄ = 4.19, S.D. = 0.74) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̄ = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (x̄ = 4.34, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̄ = 4.24, S.D. = 0.74) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้

1. การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียนให้ประสบผลสำเร็จและเกิดความยั่งยืน สถานศึกษาควรมีการสร้างความตระหนักเพื่อสร้าง ความรู้ความเข้าใจแก่ครูและผู้เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรม มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างครู และผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานถึง ความสำคัญของการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านและ ควรใช้หลักการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน อีกทั้งส่งเสริมพัฒนาครูให้ใช้การวิจัยเป็นฐานในการ พัฒนา ให้ค้นหารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญใน การพัฒนาที่เน้นทักษะ วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ตามศักยภาพของผู้เรียนก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากมายเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง ชุมชนและเป็นแบบอย่างแก่หน่วยงานอื่นได้

2. หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลปลายทางที่ยั่งยืน โรงเรียนปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้และเป็นโรงเรียนรักการอ่าน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ สูงขึ้น มีทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน และนิสัยรักการอ่าน สามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างเหมาะสมกับวัย อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ครูผู้สอนเป็นครูมืออาชีพในการพัฒนาทักษะ การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และมีนวัตกรรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ ได้ตรงตามความจำเป็นของสังคมปัจจุบัน

3. ผู้บริหารเป็นที่ปรึกษาหรือให้คำแนะนำให้ความรู้ตลอดจนส่งเสริมในการจัดกิจกรรม ในโครงการอย่างต่อเนื่องและสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคคล มีความยุติธรรม มีความเป็นกลางเป็นที่ยอมรับตลอดการดำเนินโครงการ มีการนิเทศ ติดตาม กำกับดูแล ช่วยเหลือและการประเมินผลเกี่ยวกับการดำเนินงานตามโครงการทั้งเป็นกลุ่มบริหารหัวหน้ากลุ่มสาระและเป็นรายบุคคลแบบกัลยาณมิตรโดยเน้นการมีส่วนร่วม

ข้อเสนอแนะในการประเมินหรือวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใฝ่รู้ใฝ่เรียนและการมีนิสัยรักการอ่านของ นักเรียน

2. ควรมีการวิจัยหรือรายงานเชิงคุณภาพควบคู่กับเชิงปริมาณ

3. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ทุกโครงการที่โรงเรียนดำเนินการ โดยประยุกต์ใช้ รูปแบบการประเมินอื่นๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และสารสนเทศที่ต้องการคำตอบ

4. ควรมีการประเมินโครงการในระดับองค์รวมของสถานศึกษา โดยประยุกต์ใช้รูปแบบ การประเมินของซิปป์ (CIPP Model)

โพสต์โดย ป้อม : [9 พ.ค. 2564 เวลา 22:04 น.]
อ่าน [66705] ไอพี : 184.22.44.63
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 28,428 ครั้ง
เทคนิคภาษาอังกฤษ
เทคนิคภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 24,580 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

เปิดอ่าน 3,860 ครั้ง
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse

เปิดอ่าน 10,915 ครั้ง
จามบ่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคไหมนะ
จามบ่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคไหมนะ

เปิดอ่าน 31,567 ครั้ง
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ  "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven
ดูคลิปนี้จบแล้วคุณจะเข้าใจ "ครูผู้สอนด้วยหัวใจ (From The Heart)" : หนังครู 7- Eleven

เปิดอ่าน 38,208 ครั้ง
ทำ "แผลแห้ง-แผลเปียก" ถูกวิธี
ทำ "แผลแห้ง-แผลเปียก" ถูกวิธี

เปิดอ่าน 14,973 ครั้ง
แก้ไขเฉพาะหน้า"อาการปวดเข่า"
แก้ไขเฉพาะหน้า"อาการปวดเข่า"

เปิดอ่าน 11,980 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน
จดหมายฉบับที่ 36 ถึงนายกรัฐมนตรี+รมว.ศธ. เรื่อง ยกเลิกวิธีนำร่องในการปรับลดเวลาเรียน

เปิดอ่าน 24,206 ครั้ง
รู้ยัง? "5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต" มีอะไรบ้าง
รู้ยัง? "5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต" มีอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 19,550 ครั้ง
ประโยชน์ของ "ผักแพว"
ประโยชน์ของ "ผักแพว"

เปิดอ่าน 13,601 ครั้ง
คู่มือถนอมผิวสวยใต้แสงแดด
คู่มือถนอมผิวสวยใต้แสงแดด

เปิดอ่าน 15,904 ครั้ง
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย
อย่าลืมเป้าหมายการศึกษา : โดย ดร.กมล รอดคล้าย

เปิดอ่าน 88,990 ครั้ง
คาถาเรียกทรัพย์ ของหลวงปู่เสือดำ
คาถาเรียกทรัพย์ ของหลวงปู่เสือดำ

เปิดอ่าน 6,335 ครั้ง
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ

เปิดอ่าน 211,676 ครั้ง
ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยงปลาหมอสี อาหารปลาหมอสี
ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยงปลาหมอสี อาหารปลาหมอสี

เปิดอ่าน 21,083 ครั้ง
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
เปิดอ่าน 23,164 ครั้ง
ฟักทอง เต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์
ฟักทอง เต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์
เปิดอ่าน 11,486 ครั้ง
น้ำเพื่อสุขภาพ
น้ำเพื่อสุขภาพ
เปิดอ่าน 19,449 ครั้ง
เงินเดือนมาก-น้อยไม่สำคัญ ทุกเดือนคุณเหลือเงินกี่บาท ?
เงินเดือนมาก-น้อยไม่สำคัญ ทุกเดือนคุณเหลือเงินกี่บาท ?
เปิดอ่าน 9,097 ครั้ง
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ