ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนัก

คำสำคัญ

1) การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ หมายถึง การออกแบบและจัดทำรายละเอียดการ)จัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โดยใช้แบบฝึกทักษะเสริมคณิตศาสตร์โดยวัดจากเปอร์เซ็นต์การทำแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์แล้วสามารถนาไปใช้พัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น

2) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียนหลังจากที่

เรียนรู้จากแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ซึ่งได้แก่ ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปาเรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม)

3) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยมุ่งให้นักเรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบุคคลอื่น ๆ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว นักเรียนมีส่วนร่วมทางด้านร่างกายโดยอาศัยกระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้กับรูปแบบของการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามหลักของซิปปา ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษร คือ

C หมายถึง Construct คือ การให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยกระบวนการแสวงหาข้อมูล ทำความเข้าใจ คิดวิเคราะห์ ตีความ แปลความ สร้างความหมายสังเคราะห์ข้อมูลและสรุปข้อความ

I หมายถึง Interaction คือ การให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เรียนรู้จากกัน แลก เปลี่ยน

ข้อมูลความคิดและประสบการณ์แก่กันและกัน

P หมายถึง Participation คือ การให้ผู้เรียนมีบทบาท มีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากที่สุด

P หมายถึง Process หรือ Product คือ การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไป

กับผลงานข้อความที่สรุปได้

A หมายถึง Application คือ การให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิต

ประจำวัน

5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่ใช้วัดผลหลังเรียนหลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ

6) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้จากการวัดความรู้ของนักเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น

7) ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกชื่นชอบหรือมีทัศนคติที่ดีและพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยซึ่งวัดได้จาก การตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่ผู้ศึกษา

สร้างขึ้นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลำดับ

1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ

เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม จึงเป็นการยากที่จะถ่ายทอดความคิดให้นักเรียนเข้าใจ การสอนคณิตศาสตร์ควรมีลักษณะให้เป็นรูปธรรมใช้สื่อสิ่งพิมพ์ศึกษาจากหนังสือ วารสาร เอกสารประกอบการสอน บทเรียนสำเร็จรูปและรวมถึงแบบฝึกทักษะด้วยจะเห็นได้ว่าแบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทต่อการสอนที่ดีอย่างหนึ่งซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระดับชั้นสามารถนามาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและเพิ่มการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ได้อีกแนวทางหนึ่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งแบบฝึกทักษะคือสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่งที่ใช้ฝึกทักษะให้ผู้เรียนระหว่างเรียนและหลังเรียนจบเนื้อหาแบบฝึกทักษะจะช่วยให้ผู้เรียนมีทักษะและเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น (ดวงฤดี เอี่ยมพนากิจ, 2552, หน้า 3-4) แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมทักษะให้กับผู้เรียน ในการทำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องศึกษาองค์ประกอบและลักษณะของแบบฝึกทักษะเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนและลักษณะของแบบฝึกทักษะที่ดีจะต้องเป็นแบบฝึกที่ผู้เรียนเคยเรียนเนื้อหานั้นมาแล้วมีความเหมาะสมกับวัยมีคำชี้แจงสั้น ๆ เข้าใจง่ายใช้เวลาไม่นานเกินไปเป็นสิ่งที่น่าสนใจและท้าทายเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกทั้งแบบตอบอย่างจากัดและตอบอย่างเสรีมีคำสั่งหรือตัวอย่างแบบฝึกที่ไม่ยาวเกินไปและไม่ยากแก่การเข้าใจมีหลายรูปแบบมีความหมายแก่ผู้เรียนที่ทำแบบฝึกใช้หลักจิตวิทยาใช้สานวนภาษาที่เข้าใจง่ายฝึกให้คิดได้เร็วและสนุกสนานสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ (วราภรณ์ ระบาเลิศ, 2552, หน้า 37-38 )

ผู้สอนในฐานะที่เป็นครูคณิตศาสตร์ได้พบปัญหาที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในเรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) เพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักเรียนที่มีการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่มีจำนวนเต็มลบ ทำให้นักเรียนเกิดความสนสนและงง นับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพราะหากนักเรียนบวก ลบ คูณและหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนไม่ได้ ก็จะส่งผลต่อการเรียนเรื่อง เศษส่วน ทศนิยม การแก้สมการ เป็นต้น ผู้สอนจึงได้คิดสร้างนวัตกรรมเพื่อช่วยเพิ่มทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียน และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่มีรูปแบบชัดเจนสามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติในการสอนได้โดยง่ายและสอดคล้องกับการดำรงชีวิต ซึ่งมีความเหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนจึงเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะโดยใช้รูปแบบการสอนแบบซิปปาจึงเหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์อย่างเห็นได้ชัด เพราะส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานกลุ่ม ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น และการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผือแผ่ช่วยเหลือเพื่อนที่เป็นกลุ่มอ่อนกว่า และเน้นการมีทักษะกระบวนการมีการตรวจสอบความรู้ทุกชั่วโมง ดังนั้น ผู้สอนจึงนำวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร และเพื่อให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์

2. วัตถุประสงค์

1) นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

2) นักเรียนวิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มและมีทักษะ

เกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

3) นักเรียนหาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

3. เป้าหมาย

3.1 ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ

1) นักเรียนร้อยละ 80 อธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

2) นักเรียนร้อยละ 80 วิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มและมีทักษะเกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

3) นักเรียนร้อยละ 80 หาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

3.2 ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ

นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นในเรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน

4. ขั้นตอนการดำเนินงาน

4.1 ขั้นวางแผน (Plan)

1) ศึกษามาตรฐานตัวชี้วัด

2) ศึกษาการสร้างนวัตกรรมให้ครอบคลุมการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน

3) ศึกษาทฤษฎีการสอนหรือวิธีการสอน

4) ศึกษาเครื่องมือในการวัดผลประเมินผล

4.2 ขั้นดำเนินการตามแผน (Do)

1) ออกแบบนวัตกรรมให้ครอบคลุมการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน

2) สร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

3) ออกแบบการจัดการเรียนการสอน

4) สร้างเครื่องมือวัดผลประเมินผล

5) สร้างสื่อการเรียนการสอน

6) จัดการเรียนการสอน

4.3 ขั้นตรวจสอบ (Check)

1) นำผลคะแนนมาคิด วิเคราะห์ทางสถิติ

2) สรุปผล แปรผลคะแนน

4.4 ขั้นรายงานผลเพื่อปรับปรุงพัฒนา (Action)

1) บันทึกผลการจัดการเรียนรู้

2) ปรับปรุง พัฒนานวัตกรรม แผนการจัดการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

5. ผลการดำเนินงาน

จากการใช้นวัตกรรม เรื่อง แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนวัดตะพงนอก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ปรากฎว่า

1) นักเรียนร้อยละ 80 อธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม

2 จำนวนได้

2) นักเรียนร้อยละ 80 วิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวน

เต็มและมีทักษะเกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

3) นักเรียนร้อยละ 80 หาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้

6. บทเรียนที่ได้รับ

6.1 ระบุข้อสรุป

การใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา

เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนวัดตะพงนอก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ผลปรากฎดังนี้

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การบวกจำนวนเต็ม

1)ผลการทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) มีคะแนนรวม

142 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 3.84 คิดเป็นร้อยละ 38.38

2)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 50 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 12.50

คิดเป็นร้อยละ 83.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ “ดี”

3) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 1,003 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย

27.86 คิดเป็นร้อยละ 84.43 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ

“ดีมาก”

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การลบจำนวนเต็ม

1)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 53 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 13.25 คิดเป็นร้อยละ 88.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ “ดีมาก”

2) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 986 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย

27.39 คิดเป็นร้อยละ 83.00 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ

“ดีมาก”

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การคูณจำนวนเต็ม

1)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 51 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 12.75 คิด

เป็นร้อยละ 88.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ “ดี”

2)การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 980 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย

27.22 คิดเป็นร้อยละ 82.49 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ

“ดีมาก”

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การหารจำนวนเต็ม

1) ผลการทดสอบหลังเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) มีคะแนนรวม 260

คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 7.03 คิดเป็นร้อยละ 70.27

2) การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 54 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 13.50 คิด

เป็นร้อยละ 90.00 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ “ดีมาก”

3) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 970 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย

26.94 คิดเป็นร้อยละ 81.65 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ “ดี”

6.2 ข้อสังเกต

1) นักเรียนร้อยละ 80 มีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธิบาย วิเคราะห์ความสัมพันธ์และหาผลลัพธ์หรือคำตอบการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน

2) ผลการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าผลทดสอบหลังเรียน

6.3 ข้อเสนอแนะ

1) ควรแยกการสอบออกจาการสอนเนื้อหา เพราะจะทำให้นักเรียนเรียนไม่เต็มที่หรือทำแบบฝึกเสริมทักษะไม่เสร็จในแผนการจัดการเรียนรู้ในชั่วโมงนั้น

2) หากต้องการให้นักเรียนเกิดความรู้และการจำที่ถาวรในหลักการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน ควรจะเพิ่มแบบฝึกเสริมทักษะให้นักเรียนได้ฝึกทำโจทย์ที่หลากหลาย

3) ควรให้นักเรียนได้ท่องสูตรคูณเป็นประจำจะได้มีความจำที่คงทนและถาวร เพราะจะต้องนำไปใช้ในการคูณและการหาร

6.4 ข้อระมัดระวัง

ควรเน้นให้นักเรียนจำหลักการการบวก การลบ การคูณและการหารให้ได้และมีความแม่นยำ เพราะถ้าหากจำหลักการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้ ก็จะส่งผลต่อการเรียนนำความรู้ไปใช้ในการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มมากกว่า 2 จำนวนและนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ

7. ปัจจัยความสำเร็จ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ ของการดำเนินการ ได้แก่

7.1 ปัจจัยภายนอก ได้แก่

- ด้านครอบครัว

7.2 ปัจจัยภายใน ได้แก่

1) ด้านตัวนักเรียน

2) ด้านครูผู้สอน

3) ด้านผู้บริหาร

โพสต์โดย Nipaporn24 : [28 มี.ค. 2564 เวลา 13:00 น.]
อ่าน [3149] ไอพี : 110.171.112.18
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,854 ครั้ง
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)

เปิดอ่าน 18,109 ครั้ง
เฉาก๊วยทำมาจากอะไร
เฉาก๊วยทำมาจากอะไร

เปิดอ่าน 17,847 ครั้ง
อ.เจษฎา ชี้พระนั่งในน้ำเดือด เป็นแค่กลทางวิทยาศาสตร์
อ.เจษฎา ชี้พระนั่งในน้ำเดือด เป็นแค่กลทางวิทยาศาสตร์

เปิดอ่าน 9,931 ครั้ง
5 กิจกรรมส่งความสุข เพื่อสมองลูกรัก
5 กิจกรรมส่งความสุข เพื่อสมองลูกรัก

เปิดอ่าน 117,876 ครั้ง
ตารางบัญชีเงินเดือนครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ.เงินเดือนฯ (ฉบับที่2)พ.ศ.2554
ตารางบัญชีเงินเดือนครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ.เงินเดือนฯ (ฉบับที่2)พ.ศ.2554

เปิดอ่าน 20,910 ครั้ง
กองทัพเรือไทย
กองทัพเรือไทย

เปิดอ่าน 53,611 ครั้ง
คลิป "ควีโยมี Gwiyomi" ที่น่ารักสุดๆ และกำลังฮิตกระจาย
คลิป "ควีโยมี Gwiyomi" ที่น่ารักสุดๆ และกำลังฮิตกระจาย

เปิดอ่าน 43,933 ครั้ง
ADDIE Model timeline
ADDIE Model timeline

เปิดอ่าน 265,075 ครั้ง
Adverbs การทำให้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Formation )
Adverbs การทำให้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Formation )

เปิดอ่าน 13,469 ครั้ง
ดูโอ้ลูกเสือไทย ดีดกีตาร์โชว์เพลง BALADA เป๊ะมาก ๆ
ดูโอ้ลูกเสือไทย ดีดกีตาร์โชว์เพลง BALADA เป๊ะมาก ๆ

เปิดอ่าน 27,851 ครั้ง
พืชอเนกประสงค์
พืชอเนกประสงค์

เปิดอ่าน 11,246 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกท่าน
เรื่องน่ารู้ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกท่าน

เปิดอ่าน 38,710 ครั้ง
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด

เปิดอ่าน 21,837 ครั้ง
วิธีการปลูกผักชี
วิธีการปลูกผักชี

เปิดอ่าน 14,142 ครั้ง
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว

เปิดอ่าน 34,177 ครั้ง
หลักในการบริหารเวลาของคนเป็นครู
หลักในการบริหารเวลาของคนเป็นครู
เปิดอ่าน 37,949 ครั้ง
การใช้อินเทอร์เน็ตและผลกระทบต่อคะแนนวิทยาศาสตร์ : FOCUS ประเด็นจาก PISA : ฉบับที่ 33 (กันยายน 2561)
การใช้อินเทอร์เน็ตและผลกระทบต่อคะแนนวิทยาศาสตร์ : FOCUS ประเด็นจาก PISA : ฉบับที่ 33 (กันยายน 2561)
เปิดอ่าน 38,891 ครั้ง
คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน
เปิดอ่าน 7,589 ครั้ง
เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
เปิดอ่าน 7,407 ครั้ง
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ