คำสำคัญ
1) การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ หมายถึง การออกแบบและจัดทำรายละเอียดการ)จัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โดยใช้แบบฝึกทักษะเสริมคณิตศาสตร์โดยวัดจากเปอร์เซ็นต์การทำแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์แล้วสามารถนาไปใช้พัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น
2) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียนหลังจากที่
เรียนรู้จากแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ซึ่งได้แก่ ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปาเรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม)
3) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยมุ่งให้นักเรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบุคคลอื่น ๆ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว นักเรียนมีส่วนร่วมทางด้านร่างกายโดยอาศัยกระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้กับรูปแบบของการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามหลักของซิปปา ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษร คือ
C หมายถึง Construct คือ การให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยกระบวนการแสวงหาข้อมูล ทำความเข้าใจ คิดวิเคราะห์ ตีความ แปลความ สร้างความหมายสังเคราะห์ข้อมูลและสรุปข้อความ
I หมายถึง Interaction คือ การให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เรียนรู้จากกัน แลก เปลี่ยน
ข้อมูลความคิดและประสบการณ์แก่กันและกัน
P หมายถึง Participation คือ การให้ผู้เรียนมีบทบาท มีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากที่สุด
P หมายถึง Process หรือ Product คือ การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไป
กับผลงานข้อความที่สรุปได้
A หมายถึง Application คือ การให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิต
ประจำวัน
5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่ใช้วัดผลหลังเรียนหลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ
6) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้จากการวัดความรู้ของนักเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น
7) ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกชื่นชอบหรือมีทัศนคติที่ดีและพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยซึ่งวัดได้จาก การตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่ผู้ศึกษา
สร้างขึ้นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลำดับ
1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ
เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม จึงเป็นการยากที่จะถ่ายทอดความคิดให้นักเรียนเข้าใจ การสอนคณิตศาสตร์ควรมีลักษณะให้เป็นรูปธรรมใช้สื่อสิ่งพิมพ์ศึกษาจากหนังสือ วารสาร เอกสารประกอบการสอน บทเรียนสำเร็จรูปและรวมถึงแบบฝึกทักษะด้วยจะเห็นได้ว่าแบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทต่อการสอนที่ดีอย่างหนึ่งซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระดับชั้นสามารถนามาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและเพิ่มการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ได้อีกแนวทางหนึ่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งแบบฝึกทักษะคือสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่งที่ใช้ฝึกทักษะให้ผู้เรียนระหว่างเรียนและหลังเรียนจบเนื้อหาแบบฝึกทักษะจะช่วยให้ผู้เรียนมีทักษะและเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น (ดวงฤดี เอี่ยมพนากิจ, 2552, หน้า 3-4) แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมทักษะให้กับผู้เรียน ในการทำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องศึกษาองค์ประกอบและลักษณะของแบบฝึกทักษะเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนและลักษณะของแบบฝึกทักษะที่ดีจะต้องเป็นแบบฝึกที่ผู้เรียนเคยเรียนเนื้อหานั้นมาแล้วมีความเหมาะสมกับวัยมีคำชี้แจงสั้น ๆ เข้าใจง่ายใช้เวลาไม่นานเกินไปเป็นสิ่งที่น่าสนใจและท้าทายเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกทั้งแบบตอบอย่างจากัดและตอบอย่างเสรีมีคำสั่งหรือตัวอย่างแบบฝึกที่ไม่ยาวเกินไปและไม่ยากแก่การเข้าใจมีหลายรูปแบบมีความหมายแก่ผู้เรียนที่ทำแบบฝึกใช้หลักจิตวิทยาใช้สานวนภาษาที่เข้าใจง่ายฝึกให้คิดได้เร็วและสนุกสนานสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ (วราภรณ์ ระบาเลิศ, 2552, หน้า 37-38 )
ผู้สอนในฐานะที่เป็นครูคณิตศาสตร์ได้พบปัญหาที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในเรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) เพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักเรียนที่มีการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่มีจำนวนเต็มลบ ทำให้นักเรียนเกิดความสนสนและงง นับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพราะหากนักเรียนบวก ลบ คูณและหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนไม่ได้ ก็จะส่งผลต่อการเรียนเรื่อง เศษส่วน ทศนิยม การแก้สมการ เป็นต้น ผู้สอนจึงได้คิดสร้างนวัตกรรมเพื่อช่วยเพิ่มทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียน และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่มีรูปแบบชัดเจนสามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติในการสอนได้โดยง่ายและสอดคล้องกับการดำรงชีวิต ซึ่งมีความเหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนจึงเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะโดยใช้รูปแบบการสอนแบบซิปปาจึงเหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์อย่างเห็นได้ชัด เพราะส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานกลุ่ม ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น และการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผือแผ่ช่วยเหลือเพื่อนที่เป็นกลุ่มอ่อนกว่า และเน้นการมีทักษะกระบวนการมีการตรวจสอบความรู้ทุกชั่วโมง ดังนั้น ผู้สอนจึงนำวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร และเพื่อให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
2. วัตถุประสงค์
1) นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
2) นักเรียนวิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มและมีทักษะ
เกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
3) นักเรียนหาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
3. เป้าหมาย
3.1 ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
1) นักเรียนร้อยละ 80 อธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
2) นักเรียนร้อยละ 80 วิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มและมีทักษะเกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
3) นักเรียนร้อยละ 80 หาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
3.2 ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นในเรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน
4. ขั้นตอนการดำเนินงาน
4.1 ขั้นวางแผน (Plan)
1) ศึกษามาตรฐานตัวชี้วัด
2) ศึกษาการสร้างนวัตกรรมให้ครอบคลุมการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน
3) ศึกษาทฤษฎีการสอนหรือวิธีการสอน
4) ศึกษาเครื่องมือในการวัดผลประเมินผล
4.2 ขั้นดำเนินการตามแผน (Do)
1) ออกแบบนวัตกรรมให้ครอบคลุมการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน
2) สร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
3) ออกแบบการจัดการเรียนการสอน
4) สร้างเครื่องมือวัดผลประเมินผล
5) สร้างสื่อการเรียนการสอน
6) จัดการเรียนการสอน
4.3 ขั้นตรวจสอบ (Check)
1) นำผลคะแนนมาคิด วิเคราะห์ทางสถิติ
2) สรุปผล แปรผลคะแนน
4.4 ขั้นรายงานผลเพื่อปรับปรุงพัฒนา (Action)
1) บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
2) ปรับปรุง พัฒนานวัตกรรม แผนการจัดการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
5. ผลการดำเนินงาน
จากการใช้นวัตกรรม เรื่อง แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนวัดตะพงนอก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ปรากฎว่า
1) นักเรียนร้อยละ 80 อธิบายเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม
2 จำนวนได้
2) นักเรียนร้อยละ 80 วิเคราะห์ความสัมพันธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวน
เต็มและมีทักษะเกี่ยวกับการดำเนินการของการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
3) นักเรียนร้อยละ 80 หาผลลัพธ์การบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้
6. บทเรียนที่ได้รับ
6.1 ระบุข้อสรุป
การใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปา
เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนวัดตะพงนอก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ผลปรากฎดังนี้
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การบวกจำนวนเต็ม
1)ผลการทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) มีคะแนนรวม
142 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 3.84 คิดเป็นร้อยละ 38.38
2)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 50 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 12.50
คิดเป็นร้อยละ 83.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดี
3) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 1,003 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย
27.86 คิดเป็นร้อยละ 84.43 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ
ดีมาก
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การลบจำนวนเต็ม
1)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 53 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 13.25 คิดเป็นร้อยละ 88.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดีมาก
2) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 986 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย
27.39 คิดเป็นร้อยละ 83.00 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ
ดีมาก
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การคูณจำนวนเต็ม
1)การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 51 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 12.75 คิด
เป็นร้อยละ 88.33 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดี
2)การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 980 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย
27.22 คิดเป็นร้อยละ 82.49 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ
ดีมาก
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การหารจำนวนเต็ม
1) ผลการทดสอบหลังเรียน เรื่อง จำนวนตรรกยะ (ระบบจำนวนเต็ม) มีคะแนนรวม 260
คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 7.03 คิดเป็นร้อยละ 70.27
2) การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีคะแนนรวม 54 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 13.50 คิด
เป็นร้อยละ 90.00 การวัดด้านทักษะกระบวนการ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดีมาก
3) การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคะแนนรวม 970 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย
26.94 คิดเป็นร้อยละ 81.65 การวัดด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดี
6.2 ข้อสังเกต
1) นักเรียนร้อยละ 80 มีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธิบาย วิเคราะห์ความสัมพันธ์และหาผลลัพธ์หรือคำตอบการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน
2) ผลการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าผลทดสอบหลังเรียน
6.3 ข้อเสนอแนะ
1) ควรแยกการสอบออกจาการสอนเนื้อหา เพราะจะทำให้นักเรียนเรียนไม่เต็มที่หรือทำแบบฝึกเสริมทักษะไม่เสร็จในแผนการจัดการเรียนรู้ในชั่วโมงนั้น
2) หากต้องการให้นักเรียนเกิดความรู้และการจำที่ถาวรในหลักการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวน ควรจะเพิ่มแบบฝึกเสริมทักษะให้นักเรียนได้ฝึกทำโจทย์ที่หลากหลาย
3) ควรให้นักเรียนได้ท่องสูตรคูณเป็นประจำจะได้มีความจำที่คงทนและถาวร เพราะจะต้องนำไปใช้ในการคูณและการหาร
6.4 ข้อระมัดระวัง
ควรเน้นให้นักเรียนจำหลักการการบวก การลบ การคูณและการหารให้ได้และมีความแม่นยำ เพราะถ้าหากจำหลักการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็ม 2 จำนวนได้ ก็จะส่งผลต่อการเรียนนำความรู้ไปใช้ในการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนเต็มมากกว่า 2 จำนวนและนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ
7. ปัจจัยความสำเร็จ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ ของการดำเนินการ ได้แก่
7.1 ปัจจัยภายนอก ได้แก่
- ด้านครอบครัว
7.2 ปัจจัยภายใน ได้แก่
1) ด้านตัวนักเรียน
2) ด้านครูผู้สอน
3) ด้านผู้บริหาร