ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การแก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนศรีรัตนวิทยา โดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Char

1. หลักการ

ในยุคที่ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้นเพราะความก้าวหน้าในทางเทคโนโลยีและความสะดวกในการเดินทาง ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทต่อสังคมและการดำรงชีวิตมากขึ้น เนื่องจากภาษาอังกฤษได้ถูกใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารของผู้คน เมื่อภาษาอังกฤษมีความสำคัญต่อผู้คนในการติดต่อสื่อสารเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้มีโอกาสทางหน้าที่การงาน โอกาสทางการศึกษา การเรียนภาษาอังกฤษจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อเด็กไทยและคนไทย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ประเทศไทยได้เป็นสมาชิกอาเซียน ภาษาอังกฤษยิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในยุคนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2554, หน้า 48)การศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบันจึงได้มุ่นเน้นให้ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมากเพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษาของผู้เรียน ให้สามารถติดต่อสื่อสารและรับสารที่เป็นภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่จะใช้ในการศึกษาต่อสามารถใช้ภาษาอังกฤษเข้าสู่สังคมและวัฒนธรรมโดยได้เน้นการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นสำคัญจัดสถานการณ์ไห้ผู้เรียนได้สัมผัสกับภาษาอังกฤษมากที่สุด มีซึ่งสอดคล้องกับ แนวปฏิบัติตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (2557, หน้า 1) ด้วยภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดภาษาหนึ่งโดยที่องค์ความรู้ที่สำคัญของโลกส่วนใหญ่ถูกบันทึกและเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษจึงมีความจำเป็นที่ต้องจัดให้มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือเข้าถึงองค์ความรู้ก้าวทันโลกรวมถึงพัฒนาตนเองเพื่อนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตามการจัดการเรียนการสอนก็ยังพบว่ามีปัญหานักเรียนไม่สามารถสื่อสารหรือบรรลุจุดประสงค์ตัวชี้วัดที่วางไว้ จากประสบการณ์ในการสอนภาษาอังกฤษในระดับชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนศรีรัตนวิทยาพบว่านักเรียนออกเสียง S ท้ายคำไม่ถูกต้องซึ่งการออกเสียงเป็นสิ่งสำคัญถ้าอ่านออกเสียงไม่ถูกต้องความหมายก็จะผิด เสียง S ท้ายคำสามารถออกเสียงที่แตกต่างกันซึ่งสอดคล้องกับ สันทนา สุธาดารัตน์ (2555, หน้า 22) ได้กล่าวว่าตัวสะกดกับการออกเสียงต่างๆมักจะไม่สอดคล้องกัน การศึกษาสรีรสัทศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีสัทอักษร (phonetic alphabet)เพื่อใช้ในการถอดเสียงภาษาต่างๆให้เป็นที่เข้าใจกันเป็นสากล

ผู้สอนจึงสนใจที่จะทำการศึกษาในชั้นเรียนโดยวิธีการสอนการแก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets chart) ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนสามารถออกเสียง S ท้ายคำได้ถูกต้องและเป็นแนวทางให้นักเรียนสามารถฝึกการพัฒนาทักษะที่เรียนไปสื่อสารได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

2. วัตถุประสงค์

1. เพื่อแก้ไขการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนศรีรัตวิทยา

3. วิธีดำเนินการ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนศรีรัตวิทยา โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัยดังนี้

กลุ่มเป้าหมายการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

วิธีดำเนินการทดลอง

การเก็บรวบรวมข้อมูล

ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนศรีรัตนวิทยา

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนศรีรัตนวิทยา โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มอย่างง่ายโดยใช้ห้องเป็นหน่วยทดลองกับนักเรียนจำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น ได้แก่ คือการสอนโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart)

ตัวแปรตาม ได้แก่ การออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ

แผนการสอนโดยใช้ แผนการเรียนรู้จำนวน 3 แผน คือ

No 1. Voiceless sounds; /p/ /t/ /k/ /f/ /θ/

No 2. Voiced sounds; /b/ /d/ /g/ /v/ /ð/ /h/ /m/ /n/ /ŋ/ /l/ /w/ /r/ /j/

No 3. Voiceless sounds; Fricative Voiced/Voiceless Sounds and Affricate voiced/voiceless sounds; /s/ /z/ /ʃ/ /ʒ/ /tʃ/ /dʒ/

IPA (International Phonetic Alphabets Chart) ที่สร้างขึ้นมาโดยสมาคมสัทศาสตร์สากล

3. แบบทดสอบการออกเสียงคำศัพท์ที่มี S ท้ายคำจำนวน 1 ชุด 21 คำซึ่งจะประกอบไปด้วยเสียง S ท้ายคำตามหลังเสียงต่อไปนี้

1. เสียงก้อง (voiced sounds)

2. เสียงไม่ก้อง (voiceless sounds)

3. เสียงเสียดแทรก (fricative sounds)

4. เสียงกักเสียดแทรก (affricate sounds)

ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ในเดือนมกราคม ระยะเวลา 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์รวมทั้งสิ้น 2 สัปดาห์

การสร้างและพัฒนาเครื่องมือ

ผู้วิจัยได้สร้างและพัฒนาเครื่องมือในการวิจัย ดังนี้

การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ

1. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศโดยศึกษาสารการเรียนรู้ สาระสำคัญ หลักสูตรสถานศึกษาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ช่วงชั้นที่ 3 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยศึกษาสาระการเรียนรู้มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นหน่วยการเรียนรู้เนื้อหาสาระ และ ตัวชี้วัดของวิชาภาษาอังกฤษ (อ31102)

1.2 ศึกษาเนื้อหา หน้าที่ของภาษา และ บริบทของภาษาอังกฤษที่ปรากฏในหลักสูตรและตำราเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษ (อ31102) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

1.3 กำหนดเนื้อหาและจุดประสงค์ตามผลการเรียนรู้กำหนดหน่วยการสอนโดยวิเคราะห์เนื้อหาเสียงที่เป็นปัญหาของนักเรียนให้เหมาะสมกับเวลา

1.4 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการสอนจำนวน 3 แผนเพื่อใช้ในการทดลอง

1.5 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษ 2 ท่าน อาจารย์ชาวต่างชาติ 1 ท่าน ไปใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 5 คน แล้วนำแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง แผนมาปรับปรุงแก้ไข

1.6 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องไปใช้ทดลองจริงกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาระดับชั้น ม. 4/2 จำนวน 37 คนโดยกลุ่มตัวอย่างได้มากจากการสุ่มอย่างง่าย

2. การสร้างแบบฝึกการเขียนสะกดคำศัพท์

2.1 กำหนดกิจกรรมการเรียนโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart) มาใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน 4 ขั้นตอน

Presentation ครูใช้ IPA อธิบาย Voiced sounds/Voiceless sounds/Fricative sounds/Affricate sounds

Demonstration ครูออกเสียง Voiced sounds/Voiceless sounds/Fricative sounds/Affricate sounds ให้นักเรียนฟัง

Practice นักเรียนฝึกออกเสียง S ท้ายคำตามหลังเสียง Voiced sounds/Voiceless sounds/Fricative sounds/Affricate sounds

Evaluation ครูกำหนดเสียง Voiced sounds/Voiceless sounds/Fricative sounds/Affricate sounds

แล้วนำไปให้อาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษจำนวน 3 ท่าน ประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษจำนวน 2 ท่าน อาจารย์ชาวต่างชาติจำนวน 1 ท่าน ได้ตรวจดูความเหมาะสมของเนื้อหาต่างๆพร้อมทั้งจำนวนเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการทดลอง 3 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์

2.3 สร้างแบบฝึกประกอบการสอน นำมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษทั้ง 3 ท่าน เพื่อให้แบบฝึกประกอบการสอนมีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

2.4 นำแบบฝึกที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษ 2 ท่าน อาจารย์ชาวต่างชาติ 1 ท่าน แล้วนำแบบฝึกมาปรับปรุงแก้ไข

2.5 นำแบบฝึกที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่านและผ่านการทดลองกับกลุ่มย่อยไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 37 คนโดยกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย

3. การสร้างแบบทดสอบการเขียนสะกดคำ

3.1 ศึกษาแนวทางการสร้างแบบวัดประสิทธิภาพของแบบฝึก

3.2 ศึกษาผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หน่วยการเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนศรีรัตนวิทยาและจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ

3.3 สร้างแบบทดสอบการออกเสียงคำที่มีเสียง S ท้ายคำจำนวน21 คำ

3.4 นำแบบทดสอบให้อาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษจำนวน 3 ท่าน ประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษจำนวน 2 ท่าน อาจารย์ชาวต่างชาติจำนวน 1 ท่าน ได้ตรวจดูความเหมาะสมของเนื้อหา

3.5 นำแบบทดสอบที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษ 2 ท่าน อาจารย์ชาวต่างชาติ 1 ท่าน ไปใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 5 คน แล้วนำแบบทดสอบที่ผ่านการตรวจสอบมาปรับปรุงแก้ไข

3.6 นำแบบทดสอบที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่านและผ่านการทดลองกับกลุ่มย่อยไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 37 คนโดยกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย

วิธีดำเนินการทดลอง

ระยะเตรียมการทดลอง

1.1 สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ที่สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หน่วยการเรียนรู้ และมาตรฐานการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2

1.2 สร้างแบบฝึกการออกเสียงคำที่มีเสียง S ท้ายคำจำนวน 21 คำ

1.3. สร้างแบบทดสอบการออกเสียงคำที่มีเสียง S ท้ายคำภาษาอังกฤษก่อนเรียนละหลังเรียน

1.4 สุ่มกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1 ห้องเรียนเป็นกลุ่มทดลอง

ระยะดำเนินการทดลอง

2.1 จัดปฐมนิเทศทำความเข้าใจกับนักเรียนถึงวิธีการเรียน จุดประสงค์ในการเรียนและวิธีการประเมินผลการเรียน

2.2 ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบก่อนเรียนกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบการออกเสียงคำที่มีเสียง S ท้ายคำ 21 คำ

2.3 เมื่อทดสอบก่อนเรียนแล้ว จากนั้นผู้วิจัยได้ทำการสอนตามแผนการสอนโดย ใช้เวลาสอนรวม 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง โดยผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการสอนเอง ซึ่งแต่ละเกมมีกติกาดังต่อไปนี้

2.4 ผู้วิจัยทำการทดสอบหลังเรียนกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ฝึกการออกเสียงคำที่มีเสียง S ท้ายคำจำนวน 21 คำ

ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมคะแนนจากการทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน โดยใช้รูปแบบ One-Group Pretest - Posttest Design มีรูปแบบดังนี้

เมื่อกำหนด O1 หมายถึง การฝึกก่อนเรียน

X หมายถึง แบบเรียน

O2 หมายถึง การฝึกหลังเรียน

ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

1. สถิติพื้นฐาน

1. ค่าเฉลี่ย

=

2. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง

¯X แทน ค่าเฉลี่ย

S.D แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

4. สรุปผลการวิจัย

การศึกษาในครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 / 2 โรงเรียนศรีรัตนวิทยาโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets chart) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 / 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนศรีรัตนวิทยา ดังนี้

1. การแก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 / 2 โรงเรียนศรีรัตนวิทยาโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets chart) พบว่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ในการออกเสียง S ท้ายคำโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart) มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 211.4 คิดเป็นร้อยละ 88.48 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังการเรียนการออกเสียง S ท้ายคำโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart) กลุ่มเป้าหมายมีผลสัมฤทธิ์ 88.48 ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80%

การอภิปรายผล

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์แก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets chart) ผู้สอนขออภิปรายผลดังนี้ หลังการเรียนการออกเสียง S ท้ายคำโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart) กลุ่มเป้าหมายมีผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80% อาจเนื่องมาจากการจัดขั้นลำดับการสอนที่มีการฝึกออกเสียง ตามลำดับขั้นตอน และมีการแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ มีการทบทวนความรู้เดิม ทั้งใช้การถามตอบให้นักเรียนรู้จักสังเกตการออกเสียง S ท้ายคำที่แตกต่างกันเพราะเสียงท้ายคำก่อนเติม S โดยใช้สัทอักษรมาเป็นตัวเทียบเสียงทำให้นักเรียนสามารถเห็นความแตกต่างของแต่ละเสียงได้ง่ายและสามารถออกเสียง S ท้ายคำได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธีราภรณ์ พลายเล็ก (2555, หน้า 55) ได้ทำการศึกษาการพัฒนาทักษะการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจากการใช้ชุดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำภาษาอังกฤษ พบว่านักเรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะท้ายคำได้ถูกต้องหลังจากการใช้ชุดการเรียนรู้ โดยคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนหลังใช้ชุดการเรียนรู้เท่ากับ4 4.77 และจากการเปรียบเทียบคะแนนโดยรวมก่อนและหลังการใช้ชุดการเรียนรู้ด้วยการทดสอบค่าที (t-test) พบว่า คะแนนของแบบทดสอบหลังเรียน (X =44.77) สูงกว่าก่อนเรียน (X = 1.67) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กรณีดังกล่าวอธิบายได้ว่าเมื่อนักเรียนได้เรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้แล้ว นักเรียนมีความเข้าใจหลักในการออกเสียงมากยิ่งขึ้น รวมถึงการได้ฝึกฝนการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำหน่วยเสียงต่างๆ นักเรียนจึงออกเสียงพยัญชนะท้ายคำได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับงานวิจัยของจันทนี กัณโฑ (2556, หน้า 14) ที่กล่าวว่าจากผลการวิจัยในการพัฒนาการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ ของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 ห้อง TI 101 วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ จานวน 26 คน พบว่า ผลการวิจัยครั้งนี้เป็นไปตามสมมติฐานว่านักศึกษาที่ออกเสียงท้าย - ts / - st / -s ไม่ถูกต้องและไม่ชัดเจน สามารถออกเสียง - ts / - st / -s หลังการฝึก ได้ถูกต้องและชัดเจนทุกคน

จากผลการศึกษาในการแก้ปัญหาการออกเสียง S ท้ายคำโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart)แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้เนื่องมาจากแผนการสอนและการสอนที่เป็นขั้นตอนเน้นการฝึกออกเสียงที่เป็นปัญหา จึงช่วยให้นักเรียนสามารถเห็นความแตกต่างของเสียงเหล่านั้น ส่งผลให้นักเรียนได้ฝึกสังเกตก่อนการออกเสียงท้ายคำ

ข้อเสนอแนะเพื่อการสอน

1. ในระยะแรกนักเรียนยังไม่มีแรงบันดาลใจในการที่จะพัฒนาการอ่านออกเสียงของตัวนักเรียนเอง ผู้สอนจึงสร้างแรงบันดาลใจโดยการใช้วิธีการเสริมแรงให้นักเรียนมีความเชื่อมั่นในการพัฒนาทักษะและมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน

2.นักเรียนบางคนไม่มีพื้นฐานมาก่อนในการอ่านออกเสียงภาษอังกฤษผู้สอนจึงสอนให้นักเรียนเห็นความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเสียงกับตัวอักษร ผู้สอนได้ฝึกให้นักเรียนอ่านออกเสียงและสังเกตว่าเสียงท้ายมีอิทธิพลทำให้เสียง S เปลี่ยนแปลงอย่างไรโดยที่ผู้สอนต้องตั้งคำถามกับนักเรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ

ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัย

ควรทำการศึกษา ทดลองออกเสียงที่มีปัญหาอื่นๆบ้าง เช่นเสียง /ʃ/ , /ʒ/ , /ʧ/ , /ʤ/ เป็นต้น

ควรทำการเปรียบเทียบเสียงทั้งเสียงกลางประโยคและเสียงท้ายประโยค

5. ประโยชน์ที่ได้รับ

ได้ทราบว่าการสอนโดยใช้ IPA (International Phonetic Alphabets Chart) ในการสอนออกเสียง S ท้ายคำสามารถแก้ปัญหาการออกเสียงได้หรือไม่

เป็นแนวทางในการเรียนการสอนและนำไปใช้ในการออกเสียงอื่นๆที่เป็นปัญหาต่อไป

โพสต์โดย wit : [24 มี.ค. 2564 เวลา 20:33 น.]
อ่าน [3546] ไอพี : 171.96.232.155
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 136,325 ครั้ง
ทฤษฎีมานุษยนิยมของมาสโลว์
ทฤษฎีมานุษยนิยมของมาสโลว์

เปิดอ่าน 12,904 ครั้ง
ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังกาย
ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังกาย

เปิดอ่าน 17,481 ครั้ง
แจกฟรี powerpoint ฟิสิกส์ ม.ปลาย (บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด)
แจกฟรี powerpoint ฟิสิกส์ ม.ปลาย (บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด)

เปิดอ่าน 14,809 ครั้ง
น้ำผึ้ง ชะลอริ้วรอย
น้ำผึ้ง ชะลอริ้วรอย

เปิดอ่าน 32,168 ครั้ง
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด

เปิดอ่าน 11,361 ครั้ง
iOS 6 มีอะไรใหม่บ้าง?
iOS 6 มีอะไรใหม่บ้าง?

เปิดอ่าน 16,783 ครั้ง
กินไข่ต้ม ช่วยให้หลับง่าย จริงหรือ?
กินไข่ต้ม ช่วยให้หลับง่าย จริงหรือ?

เปิดอ่าน 17,346 ครั้ง
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!

เปิดอ่าน 4,329 ครั้ง
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ
เหงื่อออกมือไม่ใช่สัญญาณของโรคหัวใจ

เปิดอ่าน 13,179 ครั้ง
5 อาการเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
5 อาการเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

เปิดอ่าน 15,818 ครั้ง
สำเร็จครั้งแรก! นำเชื้อธรรมชาติเพาะ ‘เห็ดโคนคอนโด’
สำเร็จครั้งแรก! นำเชื้อธรรมชาติเพาะ ‘เห็ดโคนคอนโด’

เปิดอ่าน 17,484 ครั้ง
5 วิธีทำให้รวยเร็ว
5 วิธีทำให้รวยเร็ว

เปิดอ่าน 31,409 ครั้ง
ประโยชน์ของ e-Learning
ประโยชน์ของ e-Learning

เปิดอ่าน 2,617 ครั้ง
วัยทำงานนั่งนาน 8 ชั่วโมง เมินขยับ ไม่มีกิจกรรมทางกาย เสี่ยงอ้วนลงพุง
วัยทำงานนั่งนาน 8 ชั่วโมง เมินขยับ ไม่มีกิจกรรมทางกาย เสี่ยงอ้วนลงพุง

เปิดอ่าน 39,735 ครั้ง
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับทองคำ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับทองคำ

เปิดอ่าน 59,478 ครั้ง
การเขียนรายงาน
การเขียนรายงาน
เปิดอ่าน 9,953 ครั้ง
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ
เปิดอ่าน 19,686 ครั้ง
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
เปิดอ่าน 14,539 ครั้ง
เอกสารแนบคำขอในระบบ DPA
เอกสารแนบคำขอในระบบ DPA
เปิดอ่าน 12,559 ครั้ง
ดังพริบตา ช่างภาพชาวอินโดฯหน้าเหมือนโอบามา
ดังพริบตา ช่างภาพชาวอินโดฯหน้าเหมือนโอบามา

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ