จากการวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคโพลยา ซึ่งการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแก้ปัญหาโจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำสนุ่น ก่อนและหลังโดยใช้การสอนด้วยเทคนิค โพลยา และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแก้ปัญหาโจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำสนุ่น หลังการเรียนการสอนด้วยเทคนิค โพลยา กับเกณฑ์ร้อยละ 70 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดลำสนุ่น จังหวัดปทุมธานี จำนวน 21 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยรูปแบบการสอน โดยใช้เทคนิคโพลยาแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถชุดเดียวกัน เป็นแบบทดสอบที่วัดความรู้แบบอัตนัย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าร้อยละ
สรุปผลการวิจัย
ผลการวิจัยเรื่อง เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิคโพลยา สรุปได้ดังนี้
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำสนุ่น โดยใช้การสอนด้วยเทคนิคโพลยาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำสนุ่น คิดเป็นร้อยละ 76.67 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 70
อภิปรายผล
จากการความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคโพลยา สามารถอภิปรายผล ได้ดังนี้
ผลการวิจัย พบว่า ความสามารถในการความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคโพลยา นั้นมีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ จากการสังเกตการณ์เรียนรู้ของนักเรียนพบว่าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในห้องเรียน เพราะรูปแบบการสอน โดยใช้เทคนิคโพลยา มีขั้นตอนปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ซึ่งในการเรียนในเรื่องการแก้โจทย์ปัญหานั้นจะทำให้นักเรียนได้ฝึกคิดตามลำดับขั้นตอนของรูปแบบการสอน โดยใช้เทคนิคโพลยา โดยขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจปัญหา พิจารณาว่า อะไรคือข้อมูล อะไรคือสิ่งที่ไม่รู้ อะไรคือเงื่อนไขของปัญหา ปัญหาต้องการให้หาอะไร คำตอบอยู่ในรูปแบบใด ขั้นที่ 2 วางแผนการแก้ปัญหา เป็นขั้นตอนต้องพิจารณาว่าแก้ปัญหาด้วยวิธีใด โดยอาศัยหลังการวางแผนดังนี้ 1) เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนหรือไม่ มีลักษณะคล้ายกับปัญหานั้นหรือไม่ 2) รู้ว่าปัญหาสัมพันธ์กับอะไรหรือไม่ รู้ทฤษฎีที่จะนำมาใช้แก้ปัญหานั้นหรือไม่ 3) พิจารณาสิ่งที่ไม่รู้ปัญหา และพยายามคิดถึงปัญหาที่คุ้นเคย ซึ่งมีสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันหรือคล้ายกัน โดยดูว่าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาที่คุ้นเคยมาใช้แก้ได้หรือไม่ 4) ควรอ่านปัญหาอีกครั้ง และวิเคราะห์ดูว่าแตกต่างจากปัญหาที่เคยพบหรือไม่ ขั้นที่ 3 ดำเนินการตามแผน เป็นขั้นลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ตรวจสอบในแต่ละขั้นตอนที่ปฏิบัติว่าถูกต้องหรือไม่เพิ่มเติมรายละเอียดที่จำเป็นเพื่อความชัดเจน แล้วลงมือปฏิบัติจนกระทั่งพบคำตอบ ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผล เป็นการตรวจผลที่ได้ในแต่ละขั้นตอนที่ผ่านมาเพื่อดูความถูกต้องของคำตอบและวิธีการในการแก้ไขปัญหา
ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนลำสนุ่น หลังการเรียนโดยใช้การสอนด้วยเทคนิคโพลยา คิดเป็นร้อยละ 75.92 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 70 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐาน ทั้งนี้จากการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคโพลยา ในแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เป็นแผนเกี่ยวกับการจัดเรียนรู้เกี่ยวกับการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ โดยการเรียนรู้จะใช้เทคนิคการแก้ปัญหาโพลยา คือ ขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจปัญหา ขั้นที่ 2 วางแผนการแก้ปัญหา ขั้นที่ 3 ดำเนินการตามแผน ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผล เมื่อผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และสามารถแก้โจทย์ปัญหาการคูณ
จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหัดการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ โดยใช้เทคนิคโพลยา ที่มีขั้นตอนขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจปัญหา พิจารณาว่า อะไรคือข้อมูล อะไรคือสิ่งที่ไม่รู้ อะไรคือเงื่อนไขของปัญหา ปัญหาต้องการให้หาอะไร คำตอบอยู่ในรูปแบบใด ขั้นที่ 2 วางแผนการแก้ปัญหา เป็นขั้นตอนต้องพิจารณาว่าแก้ปัญหาด้วยวิธีใด โดยอาศัยหลังการวางแผนดังนี้ 1) เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนหรือไม่ มีลักษณะคล้ายกับปัญหานั้นหรือไม่ 2) รู้ว่าปัญหาสัมพันธ์กับอะไรหรือไม่ รู้ทฤษฎีที่จะนำมาใช้แก้ปัญหานั้นหรือไม่ 3) พิจารณาสิ่งที่ไม่รู้ปัญหา และพยายามคิดถึงปัญหาที่คุ้นเคย ซึ่งมีสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันหรือคล้ายกัน โดยดูว่าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาที่คุ้นเคยมาใช้แก้ได้หรือไม่ 4) ควรอ่านปัญหาอีกครั้ง และวิเคราะห์ดูว่าแตกต่างจากปัญหาที่เคยพบหรือไม่ ขั้นที่ 3 ดำเนินการตามแผน เป็นขั้นลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ตรวจสอบในแต่ละขั้นตอนที่ปฏิบัติว่าถูกต้องหรือไม่เพิ่มเติมรายละเอียดที่จำเป็นเพื่อความชัดเจน แล้วลงมือปฏิบัติจนกระทั่งพบคำตอบ ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผล เป็นการตรวจผลที่ได้ในแต่ละขั้นตอนที่ผ่านมาเพื่อดูความถูกต้องของคำตอบและวิธีการในการแก้ไขปัญหา โดยครูจะสุ่มให้นักเรียนออกมานำเสนอผลการแก้ปัญหาพร้อมทั้งอธิบายวิธีการแก้ปัญหาแต่ละขั้นตอน และบอกเหตุผลที่มาของแนวทางในการหาคำตอบ ครูก็จะพิจารณาความถูกต้องในการเลือกแนวทางใน การหาคำตอบวิธีการคิดคำนวณ และเหตุผลของแนวทางในการหาคำตอบ เพื่อนักเรียนได้น้ำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ได้
ข้อเสนอแนะ
1. ในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ ครูควร มีการเสริมแรงด้วยการบอกคะแนน ให้ของรางวัล และให้ข้อเสนอแนะสิ่งที่ควรแก้ไขในการแก้โจทย์ปัญหาการคูณ จะช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ควรให้นักเรียนได้ออกแบบการคิดด้วยตนเอง ไม่ควรชี้แนวทางในการทำให้ เพื่อที่นักเรียนจะฝึกฝนแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยตนเองได้
ข้อเสนอแนะสำหรับการทำวิจัยในครั้งต่อไป
1. ควรมีการศึกษาวิจัยกับนักเรียนในชั้นอื่น ๆ เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ในเรื่องการแก้โจทย์ปัญหา ด้วยรูปแบบการสอน โดยใช้เทคนิคโพลยา
2. ควรจะมีการเปรียบเทียบรูปแบบการสอน โดยใช้เทคนิคโพลยา กับรูปแบบการสอน
อื่น ๆ เพื่อให้เห็นถึงผลที่จะเกิดขึ้นว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
3. การออกข้อสอบอัตนัย ควรออกข้อสอบให้เหมาะสมกับผู้เรียนที่เรียนอ่อนคือ ไม่ยากเกินไป และต้องคำนึงถึงประสบการณ์การทำข้อสอบอัตนัยของนักเรียน
4. ควรมีการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เช่น ความวิตกกังวลในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ความเชื่อมั่นต่อตนเองในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เป็นต้น
5. ควรมีการศึกษาการประยุกต์ใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของโพลยาวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้น อื่น และในรายวิชาอื่นๆ ที่มีการจัดการเรียนรู้เป็นขั้นตอน เช่น วิชาวิทยาศาสตร์