ผู้รายงาน นางสาวศลัณยพร ทองถึง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์
หน่วยงานที่สังกัด สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1
ปีการศึกษา 2562
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นและความเป็นไปได้ของการจัดทำโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ 2) เพื่อประเมินความพร้อมด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ 3) เพื่อประเมินความเหมาะสมด้านกระบวนการของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ และ 4) เพื่อประเมินผลผลิตของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ การประเมินใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ของแดเนียล สตัฟเฟิลบีม (Daniel L. Stufflebeam) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ ปีการศึกษา 2562 จำนวน 74 คน ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 30 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 5 คน ผู้ปกครอง จำนวน 30 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถาม จำนวน 4 ฉบับ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสอบถาม ทั้งก่อนดำเนินโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการและหลังดำเนินโครงการ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้หาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ IOC หาความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถาม และสัมประสิทธิ์แอลฟา หาความเที่ยงของแบบสอบถาม ผลการประเมินโครงการสรุปได้ ดังนี้ผลการประเมินและข้อเสนอแนะสรุปได้ดังนี้
ผลการประเมิน
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการจำเป็นและความเป็นไปได้ของการจัดทำโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพร้อมด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความเหมาะสมด้านกระบวนการของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินผลผลิตของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
สรุปผล การประเมินโครงการในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
ข้อเสนอแนะ
การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลาย ๆ ฝ่าย เช่น ครูและผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะทำให้นักเรียนได้รับการพัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จากผลการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 1 จะเห็นได้ว่าควรดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผู้เกี่ยวข้องควรนำ ผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินโครงการอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามข้อเสนอแนะดังนี้
1. ด้านบริบทของโครงการ ควรชี้แจงทำความเข้าใจกับนักเรียนและผู้ปกครองถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรอง การส่งเสริมและพัฒนา การช่วยเหลือแก้ไข และการส่งต่อ ซึ่งเป็นการดูแลนักเรียนรอบด้าน รวมถึงด้านผลการเรียน ดังนั้น จึงสามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนได้ และควรชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และควรกำกับติดตามการดำเนินงานตามโครงการโดยต่อเนื่อง
2. ด้านปัจจัยนำเข้า ควรเพิ่มจำนวนบุคลากรโดยรับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรภายนอก หรือพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ ให้คำแนะนำช่วยเหลือ และติดตามผลใน การดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และควรจัดงบประมาณสนับสนุนนแต่ละกิจกรรมให้เพียงพอเพื่อให้การดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ด้านกระบวนการ ควรปรับปรุงวิธีการและเครื่องมือในการเก็บข้อมูลให้สอดคล้อง กับกิจกรรม สรุปผลและจัดทำสารสนเทศ และเพิ่มกิจกรรมให้สอดคล้องกับกระบวนการการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
4. ด้านผลผลิต นักเรียนได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครู ทั้งตัวชี้วัดการรู้จักเป็นรายบุคคล การคัดกรองและการแก้ปัญหานักเรียน อย่างไรก็ตามครูควรพัฒนาการมองในหลาย ๆ มิติ ทั้งนี้อาจเนื่องจากนักเรียนแต่ละคนยังมีปัญหาด้านอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะสลับซับซ้อน ครูจึงควรหาข้อมูลหรือทำวิจัยเชิงสำรวจเกี่ยวกับปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้แก่นักเรียนต่อไป
5. ควรหาข้อมูลหรือทำวิจัยเชิงสำรวจเกี่ยวกับปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้แก่นักเรียนต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่านักเรียน ผู้ปกครอง และครู มีความพึงพอใจต่อโครงการในระดับมากที่สุด จึงควรจัดกิจกรรมตามโครงการอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เหมาะกับความต้องการและสภาพปัญหาของนักเรียนเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่นักเรียน ผู้ปกครอง และครู ให้มากยิ่งขึ้นไป