ชื่อเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาวศศิภัสสร ทะวงค์ษา
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาล 3 ยุติธรรมวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
สังกัด เทศบาลนครสกลนคร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนาโครงร่างและการประเมินโครงร่างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ4) เพื่อประเมินหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นการวิจัยในลักษณะการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) เพื่อมุ่งหวังพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 38 คน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี จำนวน 6 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาล 3 ยุติธรรมวิทยา จังหวัดสกลนคร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ความต้องการ แบบสำรวจความต้องการหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 19 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่า t-test แบบ Dependent Samples ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า
1. การศึกษาความต้องการจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผู้ปกครองนักเรียน ครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความคิดเห็นตรงกันที่ต้องการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม
2. การพัฒนาโครงร่างและการประเมินโครงร่างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า โครงร่างหลักสูตรมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความต้องการของท้องถิ่นส่วนประกอบต่างๆ ของหลักสูตรมีความกลมกลืนนำสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเนื้อหาสาระการวัดและประเมินผลการเรียนรู้คลอบคลุมทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณธรรมจริยธรรม โดยรวมแล้ว อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสมชัดเจน ตรงประเด็น องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ทุกส่วนมีความกลมกลืนสอดคล้องกันอย่างเหมาะสม โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.69)
3. การทดลองใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า
3.1 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ (E1 / E2) เท่ากับ 83.31/81.59 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3.2 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.67
4. การประเมินหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า
4.1 การประเมินความเหมาะสมของปัจจัยนำเข้า (Input) หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมที่พัฒนาขึ้น เป็นหลักสูตรที่มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหา บริบทและความต้องที่แท้จริงของท้องถิ่น มีความสอดคล้องเหมาะสมกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหลักสูตรสถานศึกษา ครูผู้สอน สามารถนำไปเป็นแนวทางพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สามารถทำให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมาย ในการเรียนรู้ ตามหลักสูตรได้เป็นอย่างดี
4.2 การประเมินความเหมาะสมของกระบวนการ (Process) พบว่า กระบวนการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม และกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสม ครูผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้ตรงตามหลักการ จุดมุ่งหมายมีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมสอดคล้องกับวัย ความถนัด ความต้องการ และความสนใจของผู้เรียน เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับเนื้อหาแหล่งเรียนรู้ มีความหลากหลาย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เน้นการปฏิบัติจริงและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดำเนินไปตามแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่วางไว้ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม จิตพิสัย ทักษะพิสัยให้กับผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้ที่หลากหลาย และมีการพัฒนาการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
4.3 การประเมินผลผลิต (Product) พบว่า
1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร มีทักษะกระบวนการโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวม มีค่าอยู่ในระดับมากที่สุด โดยสรุป การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สร้างสรรค์งานประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมครามสกลนคร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับความต้องการและสภาพที่แท้จริงของท้องถิ่นนำไปสู่กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญภายใต้ความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยกระบวนการพัฒนาเริ่มจากการตรวจสอบความต้องการจำเป็นพื้นฐานของบริบท และความต้องการของขุมชนนำสู่กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ที่มีความหมายต่อผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายและประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มตามศักยภาพภายใต้ความแตกต่างของแต่ละบุคคล เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณธรรมจริยธรรมสามารถดำรงตนอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข