รูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ดชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง
เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา
โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด
ผู้วิจัย นายภัทรพงษ์ เมธาคุณวุฒิ
รองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
ปีวิจัย ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด 4) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนนำออกเผยแพร่เป็นผลงานวิชาการต่อไป ประชากรผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูผู้สอนในโรงเรียน จำนวน 29 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 15 คน ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 8 คน นักเรียนของโรงเรียน จำนวน 466 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 466 คน คณะกรรมการประเมินตนเองของสถานศึกษาพอเพียง จำนวน 18 คน และผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามสภาพการบริหารการศึกษา มีค่าความเชื่อมั่น .95 แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ มีค่าความเชื่อมั่น .94 แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้องของรูปแบบ แบบประเมินความสามารถในการบริหารการศึกษา มีค่าความเชื่อมั่น .95 แบบประเมินตนเองของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ แบบประเมินประสิทธิผล มีค่าความเชื่อมั่น .93 แบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่าความเชื่อมั่น .94 และแบบสอบถามเพื่อการประเมินรูปแบบ มีค่าความเชื่อมั่น .95 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC = Index of Item Objective Congruence) และค่าเฉลี่ย ร้อยละ
สรุปผลการวิจัย
1. สภาพการบริหารการศึกษาแบบการทำงานเป็นทีมของครูผู้สอนในโรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน พบว่า โดยรวมสภาพการบริหารการศึกษาแบบการทำงานเป็นทีม อยู่ในระดับปานกลาง โดยสูงสุดเรียงตามลำดับ คือ ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านหลักสูตรและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษา ด้านผลลัพธ์/ภาพความสำเร็จ และด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตามลำดับ
2. รูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ดที่ สร้างขึ้นมีชื่อว่า ATSES Model มีองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ ด้านการบริหารการศึกษา(Administration : A) ด้านทีมงาน (Team Work : T) ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้าน-การศึกษา(Sufficiency : S) ด้านการประเมินผล (Evaluation : E) และด้านความพอใจ (Satisfaction : S) ผลการประเมินรูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงาน พบว่า ทั้งรูปแบบและองค์ประกอบ มีความเหมาะสมนำไปปฏิบัติได้ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดเรียงตามลำดับ คือ รูปแบบการบริหารการ ศึกษาแบบทีมงาน ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ด้านการประเมินผล ด้าน-ทีมงาน ด้านความพอใจ ตามลำดับ
3. การทดลองใช้รูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า โดยรวมนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในปีการศึกษา 2561 (ร้อยละ 74.02) สูงกว่าปีการศึกษา 2560 (ร้อยละ 64.75) ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ครูผู้สอนมีความสามารถในการบริหารงานวิชาการ อยู่ในระดับมากที่สุด ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาพอเพียง เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้คะแนน 4.42 (ร้อยละ 88.57) ประสิทธิผลการบริหารการศึกษา อยู่ในระดับมากที่สุด และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการบริหารโรงเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
4. การประเมินรูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียงเพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนนำออกเผยแพร่เป็นผลงานวิชาการ พบว่า โดยรวมรูปแบบการบริหารการศึกษาแบบทีมงานของสถานศึกษาพอเพียง มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด และ ทุกด้านมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดคือ ด้านการบริหารการศึกษา ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ด้านทีมงาน ด้านความพอใจ และ ด้านการประเมินผล