|
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ
โครงงาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ผู้วิจัย ณัฏฐพัชร ธนาเพ็งจันทร์
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับโครงงาน การวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นตอนการศึกษาวิเคราะห์ และสังเคราะห์แนวคิดที่เกี่ยวข้อง 2) ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนารูปแบบ 3) ขั้นการนำรูปแบบไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง และ 4) ขั้นการประเมินผลการใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนราษีไศล สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 39 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาและแบบวัดเจตคติ การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการคำนวณหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
และการทดสอบความแตกต่างของคะแนนโดยใช้ค่าที t - test ผลการวิจัย พบข้อสรุปดังนี้
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับโครงงาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีองค์ประกอบสำคัญ ประกอบด้วย หลักการและแนวคิดของรูปแบบ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน การวัดผลและ การประเมินผล กระบวนการเรียนการสอน มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 สำรวจความรู้ (Explore knowledge) ขั้นที่ 2 สำรวจสืบค้น (Explore) ขั้นที่ 3 ขั้นลงมือปฏิบัติ (Practice) ขั้นที่ 4 ขั้นตรวจสอบความเข้าใจ (Check understanding) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปและประเมินผล (Summary and Evaluation) ผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด (x̄ = 4.57) และมีคะแนนประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.27/81.89
2. ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับโครงงาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียน
มีคะแนนทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับโครงงาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ในระดับดีมาก (x̄ = 4.56)
|
โพสต์โดย นัด : [28 ก.พ. 2564 เวลา 16:17 น.] อ่าน [4554] ไอพี : 125.25.214.182
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 23,704 ครั้ง
| เปิดอ่าน 146,430 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,658 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,699 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,724 ครั้ง
| เปิดอ่าน 234,771 ครั้ง
| เปิดอ่าน 32,357 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,561 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,586 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,921 ครั้ง
| เปิดอ่าน 35,410 ครั้ง
| เปิดอ่าน 42,562 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,035 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,084 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,480 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 214,885 ครั้ง
| เปิดอ่าน 48,577 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,749 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,179 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,702 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|