บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรคในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา 2) สร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา 3) ทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา และ 4) ประเมินผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนว สะเต็มศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเทศบาล 4 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรี สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียนทั้งหมด 38 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างของผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนวิชาเคมี เรื่อง การพัฒนาวิธีการประเมินความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 2) แบบประเมินคุณภาพเครื่องมือวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการแบบสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา 4) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ จำนวน 40 ข้อ 6) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 40 ข้อ และ 7) แบบวัดความ พึงพอใจในการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ จำนวน 10 ข้อ เวลาที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง 31 ชั่วโมง แบบแผนการทดลองเป็นแบบ One-Group Pretest-Posttest Design และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า E1/E2 และการทดสอบที (t-test dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการสร้างและพัฒนาวิธีการประเมินความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ดังนี้
1.1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรค ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน พบว่า ครูยังขาดความรู้ความเข้าใจในการวัดความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ครูส่วนมากยังคิดว่าเนื้อหาสาระมีความจำเป็นมากกว่าความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ครูไม่ตระหนักถึงความสำคัญและไม่เห็นคุณค่าความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
1.2 ผลการสร้างแบบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา คือ ขั้นระบุปัญหา ขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิด ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ขั้นวางแผนในการแก้ปัญหา ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขปัญหา และขั้นการนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา
1.3 วิธีการประเมินความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ควรประกอบไปด้วย 3 วิธี ได้แก่ การทดสอบ (Testing) เป็นการทดสอบเพื่อประเมินการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ได้แก่ 1) แบบทดสอบอัตนัยโดยกำหนดสถานการณ์แล้วให้นักเรียนทำกิจกรรม และแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 2) การสังเกต (Observing) และ 3) การบันทึก (Recording)
1.4 ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประเมินเครื่องมือ/ เกณฑ์การวัดความสามารถการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ผู้เชี่ยวมีความเห็นว่าเครื่องมือในการวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในภาพรวม มีความเหมาะสมในระดับดีมาก ( = 4.65, S.D. = 0.48)
2. ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการ สืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ก่อนนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างจริง ปรากฏผลดังนี้ การหาประสิทธิภาพรายบุคคล 61.02/60.70 การหาประสิทธิภาพกลุ่มย่อย 75.80/75.71 และการหาประสิทธิภาพภาคสนาม 80.80/80.32
3. ผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 โดยที่ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ ที่สร้างขึ้น มีค่าประสิทธิภาพเป็น 84.16/83.50 และเมื่อพิจารณาค่าประสิทธิภาพของ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ พบว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทุกชุดเช่นเดียวกัน
3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.2 ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างภายหลังการเรียนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมี เรื่อง อะตอมและสมบัติของธาตุ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ในภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.52, S.D. = 0.50)