|
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา สุตาภัทร สิทธิโสภณ
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยมีจุดประสงค์ในการวิจัย ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (4) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับสะเต็มศึกษา เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปขยายผล ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ในด้านทักษะด้านสารสนเทศ สื่อเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยรวมมากที่สุด คือ 3.47 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.85 อยู่ในระดับปานกลาง รองลงมาคือ ทักษะด้านทักษะชีวิตและอาชีพ มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 3.40 และส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 0.91 อยู่ในระดับปานกลาง และทักษะที่มีค่าเฉลี่ยรวมน้อยที่สุดใน 3 ทักษะ คือ ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 3.32 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.85 อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยรวมตั้งแต่รายการประเมินที่ 1 20 พบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.87 อยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาความต้องการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียน พบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.03 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.84 อยู่ในระดับมาก ข้อมูลพื้นฐานของครูและผู้บริหารเกี่ยวกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ พบว่า ทักษะด้านทักษะชีวิตและอาชีพ มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 3.62 และส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 0.67 อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 3.17 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.53 อยู่ในระดับปานกลาง รองลงมาคือ ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 2.96 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.62 อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยรวมรายการประเมินที่ 1 20 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.36 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.67 อยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาความต้องการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบว่า มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52 อยู่ในระดับมากที่สุด จากการทดลองแบบรายบุคคล (Individual Tryout) ขั้นทดลองแบบกลุ่มย่อย (Small Group Tryout) และขั้นทดลองภาคสนาม (Field Tryout) พบว่า ขั้นทดลองภาคสนาม (Field Tryout) มีค่า E1/E2 = 82.02/81.22 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 จากการนำไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับสะเต็มศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้และ นวัตกรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่า E1/E2 = 81.83/80.89 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.74 ความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบอยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย ครูวิทย์ : [24 ก.พ. 2564 เวลา 22:43 น.] อ่าน [4500] ไอพี : 124.122.46.48
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 17,288 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,607 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,898 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,269 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,258 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,609 ครั้ง
| เปิดอ่าน 32,247 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,265 ครั้ง
| เปิดอ่าน 25,309 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,907 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,236 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,312 ครั้ง
| เปิดอ่าน 50,255 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,960 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,126 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 8,559 ครั้ง
| เปิดอ่าน 32,826 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,589 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,418 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,479 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|