ชื่อเรื่อง รายงานการศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา นางธัญพร บุดนาชิน
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา
สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 ที่ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 3) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนและ 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
การดำเนินการวิจัยมี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์ (Analysis) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ระยะที่ 2 การออกแบบและพัฒนา (Design and Development) การดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1) การออกแบบรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน คู่มือการใช้รูปแบบ ฯ แผนการจัดการเรียนรู้ และเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ระยะที่ 3 การนำไปใช้ (Implementation) โดยการนำรูปแบบการเรียน การสอนไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 26 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลาก เนื่องจากนักเรียนในโรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย มีการจัดนักเรียนเข้าชั้นเรียนแบบคละความสามารถกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่1) แบบสอบถามแบบสัมภาษณ์ สภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ จำนวน 30 ข้อ ประกอบด้วย 4 ด้าน 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.20-0.80 มีค่าอำนาจจำแนก 0.20 ขึ้นไป และมีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.760 5) แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที t-test
ผลการวิจัย พบว่า
1. จากการสำรวจสภาพปัญหาและผลการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย ผลการสำรวจพบว่า สาระสำคัญจากการศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอน ทำให้ทราบปัญหาและความต้องการของผู้เกี่ยวข้องทั้งด้านครูผู้สอนและผู้เรียนทำให้ได้ข้อมูลพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ ที่สามารถนำไปเป็นแนวทางในการวางแผนเพี่อพัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอนให้ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ และความสามารถของผู้เรียน และเพื่อพัฒนาการจัดการเรียน การสอนให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องแบบวิเคราะห์เอกสารและแบบสัมภาษณ์ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน พบว่า มีความสอดคล้องผลการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผลการสำรวจ พบว่า การพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเริมสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงามมีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่าซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพก็ได้
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้ 1) สร้างแรงบันดาลใจ(Inspired : I) 2) ใส่ใจร่วมกันเรียนรู้ (Learning together : L) 3) นำสู่การปฏิบัติ (Action : A) 4) จัดการประเมินผล (Evaluate : E) 5) ชมเพลินนิทรรศการ (Exhibition : E) หรือเรียกว่า I : LAEE
2.1 ผลการหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.18/86.15 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2.2 ผลการเปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทัศนธาตุ ก่อนเรียนและหลังเรียนพบว่าที่พัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7831 แสดงว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย ที่พัฒนาขึ้นช่วยให้นักเรียน มีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 78.31
3. ผลการเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะ
3.1 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน 10.85 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 25.85 ซึ่งสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ด้านความคิดริเริ่ม มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 26.00 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 34.31 ด้านความคิดคล่องแคล่ว มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 32.73 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 44.27 และด้านความคิดละเอียดละออ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 7.50 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 13.42 ซึ่งสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด