|
|
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาการจัด การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่เป็นเงื่อนไขในการพัฒนาการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน 2) สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4) ประเมินการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎี การสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบวิเคราะห์เอกสาร รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และแบบสอบถาม ความพึงพอใจ เก็บรวบรวบข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ครูผู้สอน วิเคราะห์เอกสาร ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบค่า t
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่เป็นเงื่อนไขในการพัฒนาการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน พบว่า ครูผู้สอนยังไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ นักเรียนเรียนรู้ตามตัวอย่าง ยึดวิธีการแก้ปัญหาตามรูปแบบที่กำหนด ไม่มีอิสระในการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ จากการวิเคราะห์ทฤษฎีการสร้างความรู้ สรุปได้ว่า 1) ความรู้คือโครงสร้างทางปัญญาที่บุคคลสร้างขึ้นจากการเผชิญสถานการณ์ที่เป็นปัญหา แล้วใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาหรืออธิบายสถานการณ์ อื่น ๆ ที่อยู่ในกรอบโครงสร้างเดียวกันได้ และเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญาต่อไป 2) นักเรียนสร้างความรู้ด้วยวิธีการ ที่แตกต่างกัน โดยอาศัยประสบการณ์เดิม หรือโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่และแรงจูงใจภายใน เป็นจุดเริ่มต้น 3) ครูมีหน้าที่จัดการให้นักเรียนปรับขยายโครงสร้างทางปัญญาของนักเรียนเอง ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นทางการเรียน (3.1) สถานการณ์ที่เป็นปัญหาและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญา (3.2) ความขัดแย้งทางปัญญาเป็นแรงจูงใจภายในที่ก่อให้เกิดกิจกรรม การไตร่ตรองเพื่อขจัดความขัดแย้งนั้น (3.3) การไตร่ตรองบนฐานแห่งประสบการณ์เดิมและโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกระตุ้นให้มีการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีชื่อว่า DACPA Model มีขั้นตอนการเรียนรู้ 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นความขัดแย้งทางความคิด (Deviation : D) ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Action : A) ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างความรู้ (Construction : C) ขั้นที่ 4 (Presentation : P) และขั้นที่ 5 การประยุกต์ใช้ (Application) และผลการประเมินความถูกต้อง ครอบคลุม ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และมีประโยชน์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน
3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.49/85.18 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 และความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย krunoot28 : [19 ก.พ. 2564 เวลา 11:26 น.] อ่าน [4379] ไอพี : 180.183.69.117
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 4,878 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,294 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,291 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,010 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,726 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,204 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,951 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,472 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,515 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,654 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,446 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,097 ครั้ง
| เปิดอ่าน 279,701 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,217 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,556 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 17,510 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,198 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,957 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,784 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,154 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|