ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family
ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ
เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย นางสุลัตดา สินธุวงศานนท์
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ ใช้วิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ร่วมกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (Instructional Models of Cooperative Learning) เทคนิค เทคนิค LT (Learning Together)เทคนิค N HT (Numbered Heads Together) และ STAD (Student Teams and Achievement Divisions : STAD) โดยมีแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family เป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยมีนักเรียนชั้นมัธยศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 4 (อมร สะเพียรชัย อุทิศ) ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 เป็นหน่วยการวิเคราะห์ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ โดยมีวัตถุประสงค์ย่อย คือ (3.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนและหลังเรียน จากการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (3.2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ระหว่างก่อนและหลังเรียน จากการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ (4) เพื่อประเมินรูปแบบการเรียนรู้ โดยศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนเทศบาล 4 (อมร สะเพียรชัย อุทิศ) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ คือ (1) แบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อย (Focus groups) (2) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (3) แบบบันทึกการประชุมแบบมีส่วนร่วม และ (4) แบบประเมินร่างรูปแบบการเรียนรู้ และเครื่องมือในการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ คือ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยการประเมินคุณภาพ เท่ากับ 4.52 (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.20-0.80 มีค่าอำนาจจำแนก 0.20 ขึ้นไป และมีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.8327 (3) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ เป็นแบบอัตนัยเลือกตอบ จำนวน 30 ข้อ มีค่าเฉลี่ยการประเมินคุณภาพ เท่ากับ 4.44 และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Pair)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบบันทึกการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน พบว่า มีความสอดคล้อง โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 1.00 ทุกรายการ และพบว่า ควรมีการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ร่างรูปแบบการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ได้รูปแบบการเรียนรู้ ควรมีองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ หลักการแนวคิดทฤษฎี หลักการจัดการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการประเมินผล ซึ่งผลการประเมินรูปแบบการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.60
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ 85.11/85.16 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.70 หรือคิดเป็นร้อยละ 70.00 พบว่า
3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.2 ทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินรูปแบบการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง My Family ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.45