ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL
เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวรุสนีย์ เจ๊ะยอ
ครูช านาญการพิเศษ
ระดับชั้น ชั้นอนุบาลปีที่ 3
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง ทดสอบประสิทธิภาพ และเผยแพร่รูปแบบการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 วิธีด าเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ 6 ขั้น ดังนี้
ระยะที่ 1 การสร้างรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL ขั้นที่1
สังเคราะห์รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL จากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL ประกอบด้วย
ขั้นการจัดประสบการณ์ 5 ขั้น คือ 1) ขั้นทบทวน (R : Review) 2) ขั้นเข้าใจ (U : Understand)
3) ขั้นเล่านิทาน (S : Storytelling) 4) ขั้นเครือข่ายการท างาน (N : Network) และ 5) ขั้นประเมินผล
(E : Evaluation) ขั้นที่ 2 ประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL
โดยผู้เชี่ยวชาญ จ านวน 5 คน ท าแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์
การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL ผลการประเมินรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ
RUSNE MODEL ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด
มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.00 - 4.80 ขั้นที่ 3 สร้างเครื่องมือประกอบการใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์
การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL คือ แผนการจัดประสบการณ์ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.20 - 4.60 หนังสือนิทาน แบบสังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ
แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มีค่าดัชนีสอดคล้องเท่ากับ 0.80-1.00 ค่าความยาก
ง่ายระหว่าง 0.59 - 0.75 ค่าอ านาจจ าแนกระหว่าง 0.35 - 0.53 และค่าความเชื่อมั่น (KR-20) เท่ากับ
0.90 และขั้นที่ 4 ทดลองน าร่องรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL
โดยทดลองน าร่องครั้งที่ 1 ทดลองสอนกับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี)
เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จ านวน 32 คน ใช้2 หน่วย
การเรียนรู้ และทดลองน าร่องครั้งที่ 2 ทดลองสอนกับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๔
(ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จ านวน 32 คน ใช้ 2
หน่วยการเรียนรู้
ระยะที่ 2 การทดสอบประสิทธิภาพรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE
MODEL ขั้นที่ 5 ทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL เป็นเวลา
8 สัปดาห์โดยก าหนดแบบแผนการทดลองแบบ Randomized Control-Group Pretest-Posttest
Design กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/4 โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จ านวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive
Sampling) สถิติใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test for dependent samples ผลการทดสอบ
ประสิทธิภาพรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL คือ นักเรียนชั้นอนุบาล
ปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL อย่างมีนัยส าคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งรายด้าน 4 ด้าน และโดยรวม
ระยะที่ 3 การเผยแพร่รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL ขั้นที่
6 เผยแพร่รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL โดยครูอนุบาลที่ปฏิบัติงาน
สอนอยู่ในชั้นเรียนอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนละ 1 คน โรงเรียนในกลุ่มเทศบาลนครยะลา จ านวน 6 คน
ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2561 ที่สมัครใจน ารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL
ไปทดลองใช้จ านวน 2 หน่วยการเรียนรู้ เมื่อสิ้นสุดการสอนครูอนุบาลทุกคนตอบแบบสอบถาม
ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL
ผลการเผยแพร่รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ RUSNE MODEL ตามความคิดเห็นของ
ครูอนุบาลที่ปฏิบัติงานสอนอยู่ในชั้นเรียนอนุบาลปีที่ 3 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด
มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.00 - 4.80