ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย: นางมัลลิกา ศิริเพ่งไพฑูรย์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งสุ่มมาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ (1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์โดยใช้ทฤษฎี พหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (2) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (3) ประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยผู้วิจัยกำหนดเป้าหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ให้สูงขึ้น ในการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ ดังกล่าวนี้ ผู้วิจัยกำหนดกลุ่มตัวอย่างเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อทราบคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอน
การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง และการดำเนินการใช้รูปแบบการเรียนการสอน ที่พัฒนาขึ้น คือ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของผู้เรียนก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มทดลองที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจหลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบความแตกต่างภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่มของค่าเฉลี่ย โดยการหาค่าที (Dependent t-test and Independent t-test) ทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การอภิปรายและสรุปผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐาน
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า
1. การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ โดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ หลักการของรูปแบบการเรียนการสอน วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนการสอน กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผล วิเคราะห์ความตรงเชิงเนื้อหาด้วยการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง ได้ค่าเท่ากับ 0.89 นับว่าเป็นรูปแบบที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ได้
2. ผลการทดลองใช้รูปแบบ แสดงว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เข้าร่วมกิจกรรมตามรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสูงกว่าผู้เรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
คำสำคัญ : รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์, ทฤษฎีพหุปัญญา, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน