ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาบริบทสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเนื้อหาสาระในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สิ่งมีชีวิต-สิ่งไม่มีชีวิต การดำเนินการวิจัยดำเนินการตามขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research : R1) ขั้นตอนนี้เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analysis : A) สภาพปัจจุบันและความต้องการเกี่ยวกับการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ผู้วิจัยได้สำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและความต้องการเกี่ยวกับการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะ การคิดแก้ปัญหา ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเชิงนโยบายการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการคิดแก้ปัญหา วิเคราะห์มาตรฐานและตัวชี้วัดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สังเคราะห์แนวคิด หลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการสอน การคิดแก้ปัญหา และทฤษฎีการเรียนรู้ มีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลได้แก่ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2562 จำนวน 10 คน ขั้นตอน ที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) เป็นการออกแบบและพัฒนา (Design and Development : D & D) : การพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ผู้วิจัยได้พัฒนาและหาคุณภาพ ประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนโดยนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 มาพัฒนาเป็นโครงร่างรูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารูปแบบและด้านการสอนวิทยาศาสตร์ จำนวน 5 คน ตรวจสอบคุณภาพของโครงร่างรูปแบบการสอนและเครื่องมือประกอบการใช้รูปแบบ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะการคิดแก้ปัญหา แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบทดสอบถามความพึงพอใจ แล้วนำไปทดลองใช้ (Tryout) กับกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้และหาประสิทธิภาพ ก่อนนำไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research : R2) เป็นการนำไปใช้ (Implementation : I) เป็นการทดลองใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา เพื่อศึกษาประสิทธิผลการใช้รูปแบบการสอน ในขั้นนี้ผู้วิจัยนำร่างรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (The One – Group Pretest – Postest Design) และขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) เป็นการประเมินผล (Evaluation : E) เป็นการประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมทักษะการการคิดแก้ปัญหา การดำเนินการวิจัยในขั้นตอนนี้เป็นการนำผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นในขั้นตอนที่ 3 ซึ่งเป็นผลการวิเคราะห์ประสิทธิผลของรูปแบบ ได้แก่ ทักษะการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้รูปแบบการสอน รวมทั้งความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอน โดยกลุ่มตัวอย่างของขั้นตอนที่ 3 และขั้นตอนที่ 4 เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จำนวน 47 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t – test dependent samples)

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. สภาพบริบทปัจจุบันและความต้องการในการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สภาพปัจจุบันครูมีการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 2.89 , S.D = .06) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านครูผู้สอนอยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 2.76 , S.D = .16) และด้านการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 2.95 , S.D = .11) และด้านความต้องการครูมีความต้องการในการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.60 , S.D = .12) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านครูผู้สอนอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.67,S.D = .17) และด้านการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.57 , S.D = .14)

2. รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการเรียนรู้ของรูปแบบ ประกอบด้วยขั้นตอน การจัดกิจกรรม 6 ขั้น (EPACEE Model) คือ ขั้นที่ 1 ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation : E) ขั้นที่ 2 ขั้นเตรียมความพร้อม (Preparation : P) ขั้นที่ 3 ขั้นเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ (Action : A) 3.1 ขั้นระบุปัญหา 3.2 ขั้นระบุสาเหตุของปัญหา 3.3 ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูลและประเมินผลข้อมูล 3.4 ขั้นระบุทางเลือกในการแก้ปัญหาและประเมินทางเลือก 3.5 ขั้นตัดสินใจเลือกทางเลือกในการแก้ปัญหา ขั้นที่ 4 ขั้นสร้างความรู้ (Construction : C) ขั้นที่ 5 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation : E) ขั้นที่ 6 ขั้นประเมินผล (Evaluation : E) 4) ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนรู้ตามรูปแบบ 5) การประเมินผลรูปแบบ รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.02/82.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ที่ 80/80

3. ผลการใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น พบว่า หลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนมีทักษะการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะ การคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.53 , S.D = 0.12)

โพสต์โดย คนสวย : [11 ก.พ. 2564 เวลา 14:37 น.]
อ่าน [4195] ไอพี : 58.11.89.224
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,705 ครั้ง
แฉช่องโหว่ Windows 7
แฉช่องโหว่ Windows 7

เปิดอ่าน 13,042 ครั้ง
แพทย์ไทยวิจัยพบ เถาวัลย์เปรียง รักษาอาการปวด
แพทย์ไทยวิจัยพบ เถาวัลย์เปรียง รักษาอาการปวด

เปิดอ่าน 18,030 ครั้ง
ประโยชน์ของ "ผักแพว"
ประโยชน์ของ "ผักแพว"

เปิดอ่าน 12,896 ครั้ง
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน

เปิดอ่าน 41,685 ครั้ง
4 พฤติกรรมเสี่ยง ทำสิ่งเหล่านี้ในอนาคตปวดหลังเรื้อรังแน่นอน
4 พฤติกรรมเสี่ยง ทำสิ่งเหล่านี้ในอนาคตปวดหลังเรื้อรังแน่นอน

เปิดอ่าน 39,922 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 11 การนับประตู
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 11 การนับประตู

เปิดอ่าน 10,529 ครั้ง
ร้อนนี้กินอย่างไร เย็นทั้งกาย สุขทั้งใจ
ร้อนนี้กินอย่างไร เย็นทั้งกาย สุขทั้งใจ

เปิดอ่าน 13,414 ครั้ง
วีดิโอสอนวิธีการดูธนบัตรปลอม
วีดิโอสอนวิธีการดูธนบัตรปลอม

เปิดอ่าน 146,781 ครั้ง
วิธีปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก
วิธีปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก

เปิดอ่าน 15,910 ครั้ง
โหงวเฮ้งดี เปลี่ยนได้ไ่ม่ยาก!
โหงวเฮ้งดี เปลี่ยนได้ไ่ม่ยาก!

เปิดอ่าน 2,006 ครั้ง
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน

เปิดอ่าน 13,106 ครั้ง
วันสิ่งแวดล้อมโลก กับ วิกฤติน้ำแล้ง - ขาดแคลนอาหาร (5 มิ.ย.)
วันสิ่งแวดล้อมโลก กับ วิกฤติน้ำแล้ง - ขาดแคลนอาหาร (5 มิ.ย.)

เปิดอ่าน 9,540 ครั้ง
OLATE DOGS คลิปการแสดงสุนัข สำหรับคนรักน้องหมา บอกได้เลยว่า น้องหมาสุดยอดมาก
OLATE DOGS คลิปการแสดงสุนัข สำหรับคนรักน้องหมา บอกได้เลยว่า น้องหมาสุดยอดมาก

เปิดอ่าน 27,485 ครั้ง
หมอชี้ ความเชื่อผิดๆ กินไข่ทุกวัน อันตรายเพราะคอเลสเตอรอล
หมอชี้ ความเชื่อผิดๆ กินไข่ทุกวัน อันตรายเพราะคอเลสเตอรอล

เปิดอ่าน 47,175 ครั้ง
Verbs  Tenses
Verbs Tenses

เปิดอ่าน 19,577 ครั้ง
10 อันดับ ปริศนาของโลก
10 อันดับ ปริศนาของโลก
เปิดอ่าน 14,799 ครั้ง
โลก 360 องศา ซีรีส์การศึกษาในฟินแลนด์ ตอน คนเบาบาง แต่คุณภาพเข้มข้น
โลก 360 องศา ซีรีส์การศึกษาในฟินแลนด์ ตอน คนเบาบาง แต่คุณภาพเข้มข้น
เปิดอ่าน 18,826 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง “รมว.ศึกษาฯ” กับนโยบายแก้ปัญหา โรงเรียน ICU จากรายการ ผชิญหน้า FaceTime (8 ก.พ. 2560)
รับชมย้อนหลัง “รมว.ศึกษาฯ” กับนโยบายแก้ปัญหา โรงเรียน ICU จากรายการ ผชิญหน้า FaceTime (8 ก.พ. 2560)
เปิดอ่าน 60,213 ครั้ง
พืชที่ใช้เป็นอาหาร
พืชที่ใช้เป็นอาหาร
เปิดอ่าน 20,414 ครั้ง
กันเกรา
กันเกรา

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ