ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย นางสาวเดือนฉาย อำทะวงษ์
หน่วยงาน โรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย อำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่น
ปีที่พิมพ์ 2563
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการสอน โดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่สำคัญคือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนรู้การอ่านและเขียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการสอน 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้วิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย อำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่นอ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวนนักเรียน 25 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 แผน ใช้เวลา 20 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 3) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วย รูปแบบการสอนโดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ มีจำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ(E1 / E2) และเปรียบเทียบสมมุติฐานโดยใช้ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการสอน โดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รูปแบบการสอนที่สร้างขึ้นมีชื่อว่า PAPSE Model ซึ่งมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อม (Preparation : P) การเตรียมความพร้อมในการนำเสนอเนื้อหา ครูจะให้ข้อมูลทางภาษาแก่ผู้เรียน ขั้นที่ 2 เรียนรู้และฝึกปฏิบัติ (Action : A) การเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ เป็นขั้นตอนที่ให้นักเรียนได้ฝึกใช้ภาษาที่เพิ่งจะเรียนรู้ใหม่จากขั้นการนำเสนอเนื้อหาในลักษณะของการฝึกควบคุมหรือชี้นำ (Controlled Practice Directed Activities) ขั้นที่ 3 นำไปใช้ (Production : P) ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ครูผู้สอนเป็นผู้กำหนดภาระงาน หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ขั้นที่ 4 สรุป (Summary : S) ขั้นสรุปและทบทวนสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ และขั้นที่ 5 ประเมินผล (Evaluation : E) ขั้นการประเมินผลที่ได้จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
2. ประสิทธิภาพผลของรูปแบบการสอน โดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า
2.1 ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน โดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยได้สร้างผ่านการหาคุณภาพและมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.20/81.40 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75
2.2 เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น จำนวนทั้งสิ้น 10 แผน หลังจากเรียน นักเรียนมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 24.83 คะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 33.57 ซึ่งทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.3 ความคิดเห็นของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.26 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.15
สรุปได้ว่า รูปแบบการสอนโดยใช้วิธีการสอนเพื่อการสื่อสารร่วมกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงตามขึ้นไปด้วย และช่วยพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนให้บรรลุจุดมุ่งหมายในการวิจัยได้