ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ารพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ

สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑

(วัดสตูลสันตยาราม) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองสตูล จังหวัดสตูล

ชื่อผู้วิจัย นางสาวเบญจวรรณ จินา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเทศบาล ๑ (วัดสตูลสันตยาราม) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองสตูล

จังหวัดสตูล

ปีที่วิจัย 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการวิจัยและพัฒนามี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research: R) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analysis : A) เป็นการศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากแหล่งข้อมูลเอกสารและบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดนิยาม ความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ และแนวทางการพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development : D) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Design and Develop : D1, D2) ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research : R) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Implement : I) ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development : D) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Evaluation : E) กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (วัดสตูลสันตยาราม) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองสตูล จังหวัดสตูล จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือสำรวจข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ 2) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 15 แผน ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องของหลักสูตร (IOC) ระหว่าง 0.67 – 1.00 แสดงว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคุณภาพ มีความเหมาะสมในการนำไปทดลองใช้ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ แบบทดสอบการอ่านจับใจความ แบบสังเกตพฤติกรรมและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องของรูปแบบการเรียนการสอน (IOC) ระหว่าง 0.67 – 1.00 ดำเนินการเก็บข้อมูลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. ขั้นเตรียมความพร้อม (Preparation : P)

2. ขั้นนำเสนอเนื้อหา(Presentation : P)

3. ขั้นฝึกทักษะ (Practice : P)

- ขั้นการฝึกทักษะโดยการชี้แนะ (Guided Practice)

- ขั้นการฝึกทักษะโดยกิจกรรมกลุ่ม (Group Practice)

- ขั้นการฝึกทักษะอย่างอิสระ (Indepedent Practice)

4. ขั้นการประเมินผล( : E)

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด (มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.00 - 4.80) และความคิดเห็นของครูต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลประเมินโดยรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( = 2.70, S.D. = 0.47)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 การทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า คะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 12.52 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.73 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 24.36 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.20 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา การอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความ เพิ่มขึ้น

4. ผลการประเมินประสิทธิผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่าน

จับใจความภาษาไทย สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีวัตถุประสงค์ย่อยดังนี้

1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า คะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 12.56 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.85 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 24.52 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.73 ซึ่งไม่น้อยกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานของการวิจัย

2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการอ่านจับใจความที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย ศิริ : [31 ม.ค. 2564 เวลา 19:36 น.]
อ่าน [4823] ไอพี : 49.230.73.7
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 24,293 ครั้ง
ตัวหนังสือไทย
ตัวหนังสือไทย

เปิดอ่าน 180,213 ครั้ง
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ

เปิดอ่าน 31,451 ครั้ง
ผักชีล้อม
ผักชีล้อม

เปิดอ่าน 34,822 ครั้ง
ความเป็นมาของพระไตรปิฎก
ความเป็นมาของพระไตรปิฎก

เปิดอ่าน 10,260 ครั้ง
ล้างมืออย่างไร ให้สะอาดสูงสุด
ล้างมืออย่างไร ให้สะอาดสูงสุด

เปิดอ่าน 15,049 ครั้ง
ดื่ม"กาแฟ"มากเกินไป เสี่ยงตายเพิ่มขึ้น
ดื่ม"กาแฟ"มากเกินไป เสี่ยงตายเพิ่มขึ้น

เปิดอ่าน 30,552 ครั้ง
การวัดระยะทางบนพื้นราบ
การวัดระยะทางบนพื้นราบ

เปิดอ่าน 10,721 ครั้ง
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ

เปิดอ่าน 9,827 ครั้ง
เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน"
เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน"

เปิดอ่าน 15,641 ครั้ง
7 เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้กับตัวเอง
7 เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้กับตัวเอง

เปิดอ่าน 14,294 ครั้ง
 8 ข่าวสุขภาพที่ไม่ควรลืมประจำปี 2010
8 ข่าวสุขภาพที่ไม่ควรลืมประจำปี 2010

เปิดอ่าน 72,441 ครั้ง
คลื่นความร้อนหรือ "ฮีทเวฟ" (Heat wave)
คลื่นความร้อนหรือ "ฮีทเวฟ" (Heat wave)

เปิดอ่าน 16,063 ครั้ง
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!

เปิดอ่าน 37,841 ครั้ง
ฮือฮา นาซาค้นพบกาแล๊คซี่"ซูเปอร์มัม คอสมิค"แหล่งกำเนิดดวงดาวจำนวนมาก
ฮือฮา นาซาค้นพบกาแล๊คซี่"ซูเปอร์มัม คอสมิค"แหล่งกำเนิดดวงดาวจำนวนมาก

เปิดอ่าน 3,480 ครั้ง
เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก อาการเริ่มปัญหาของหัวใจ อย่ารอช้ารีบพบแพทย์
เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก อาการเริ่มปัญหาของหัวใจ อย่ารอช้ารีบพบแพทย์

เปิดอ่าน 13,810 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
เปิดอ่าน 11,028 ครั้ง
คลิปว่อนยูทูบ แฉทำไมเทคโนโลยี "3G"ประเทศไทยล้าหลัง"ลาว" !!
คลิปว่อนยูทูบ แฉทำไมเทคโนโลยี "3G"ประเทศไทยล้าหลัง"ลาว" !!
เปิดอ่าน 40,894 ครั้ง
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้
เปิดอ่าน 14,120 ครั้ง
ทำโยคะบนใบหน้าตนเอง เพื่อใบหน้าเต่งตึง
ทำโยคะบนใบหน้าตนเอง เพื่อใบหน้าเต่งตึง
เปิดอ่าน 41,186 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ